ความคิดเห็นทั้งหมด : 26

orderทางcomputerใช้เป็นหลักฐานทางกฎหมายได้ไม้ครับ เวลามีเรื่องฟ้องร้องกันจะมีปัญหาไหมครับ


   orderทางcomputerใช้เป็นหลักฐานทางกฎหมายได้ไม้ครับ เวลามีเรื่องฟ้องร้องกันจะมีปัญหาไหมครับ

Posted by : ไม่ค่อยมีความรู้ทางกฎหมายครับ , Date : 2003-10-06 , Time : 12:46:52 , From IP : 172.29.1.160

ความคิดเห็นที่ : 1


   ต้องเช็นกำกับทุกครั้ง และลงวันที่ มิฉะนั้นถือเป็นโมฆะ

Posted by : หมอทนาย , E-mail : (a65@thaimail.com) ,
Date : 2003-10-07 , Time : 12:20:28 , From IP : 203.113.71.135


ความคิดเห็นที่ : 2


   ในคดีอาญาหรือคดีแพ่งก็ตาม หากคู่ความประสงค์จะนำข้อมูลที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลติดต่อสื่อสารระหว่างกันมานำสืบในคดีย่อมสามารถกระทำได้ครับ โดยฝ่ายทึ่อ้างมานั้นจะต้องนำสืบให้ศาลเห็นให้ได้ว่าข้อมูลนั้นมีน้ำหนักน่าเชื่อถือให้รับฟัง กล่าวคือ ต้องยืนยันได้ว่าข้อมูลนั้นเป็นของบุคคลใดหรือบุคคลใดเป็นผู้ทำ ต้องยืนยันได้ว่าเจ้าของข้อมูลเป็นผู้ส่งข้อมูลให้แก่ผู้รับข้อมูลโดยเจตนา และต้องยืนยันได้ว่าข้อมูลที่นำมาแสดงนั้นมิได้มีการเปลี่ยนแปลงไป หากแสดงได้เช่นนี้แล้วศาลย่อมรับฟังข้อมูลนั้นเป็นพยานหลักฐานอย่างหนึ่งของฝ่ายที่อ้างได้
อย่างไรก็ดีปัจจุบันนี้ได้มีการเตรียมการเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาซึ่งร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ...... ซึ่งจะมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศเป็นต้นไป พ.ร.บ.นี้คงจะตอบปัญหาของเจ้าของกระทู้ได้บ้าง ขอให้อดใจรอสักหน่อยจะได้ศึกษากัน แต่จะขอนำบางส่วนที่สำคัญมาแจ้งให้ทราบเพื่อเป็นกระสายไปพลางก่อน
มาตรา ๓ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับแก่ธุรกรรมในทางแพ่งและพาณิชย์ที่ดำเนินการโดยใช้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่...
มาตรา ๗ ห้ามมิให้ปฏิเสธความมีผลผูกพันและการบังคับใช้ทางกฎหมายของข้อความใดเพียงเพราะเหตุที่ข้อความนั้นอยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
มาตรา ๘ ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งมาตรา ๙ ในกรณีที่กฎหมายกำหนดให้การใดต้องทำเป็นหนังสือ มีหลักฐานเป็นหนังสือ หรือมีเอกสารมาแสดง ถ้าได้มีการจัดทำข้อความนี้ขึ้นเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถเข้าถึงและนำกลับมาใช้ได้โดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง ให้ถือว่าข้อความนั้นได้ทำเป็นหนังสือ มีหลักฐานเป็นหนังสือ หรือมีเอกสารมาแสดงแล้ว
มาตรา ๙ ในกรณีที่บุคคลพึงลงลายมือชื่อในหนังสือ ให้ถือว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นมีการลงลายมือชื่อแล้ว ถ้า
(๑) ใช้วิธีการที่สามารถระบุตัวเจ้าของลายมือชื่อ และสามารถแสดงได้ว่าเจ้าของลายมือชื่อรับรองข้อความในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นว่าเป็นของตน และ
(๒) วิธีการดังกล่าวเป็นวิธีการที่เชื่อถือได้โดยเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของการสร้างหรือส่งข้อมูล โดยคำนึงถึงพฤติการณ์แวดล้อมหรือข้อตกลงของคู่กรณี
มาตรา ๑๐ ในกรณีที่กฎหมายกำหนดให้นำเสนอหรือเก็บรักษาข้อความใดในสภาพที่เป็นมาแต่เดิมอย่างเอกสารต้นฉบับ ถ้าได้นำเสนอหรือเก็บรักษาในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าได้มีการนำเสนอหรือเก็บรักษาเป็นเอกสารต้นฉบับตามกฎหมายแล้ว
(๑) ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้ใช้วิธีการที่เชื่อถือได้ในการรักษาความถูกต้องของข้อความตั้งแต่การสร้างข้อความเสร็จสมบูรณ์ และ
(๒) สามารถแสดงข้อความนั้นในภายหลังได้
ความถูกต้องของข้อความตาม (๑) ให้พิจารณาถึงความครบถ้วนและไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดของข้อความ เว้นแต่การรับรองหรือบันทึกเพิ่มเติม หรือเปลี่ยนแปลงใดๆที่อาจเกิดขึ้นได้ตามปกติในการติดต่อสื่อสาร การเก็บรักษา หรือการแสดงข้อความซึ่งไม่มีผลต่อความถูกต้องของข้อความนั้น
(วรรคสาม.....)
มาตรา ๑๑ ห้ามมิให้ปฏิเสธการรับฟังข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เป็นพยานหลักฐานในกระบวนการพิจารณาตามกฎหมายเพียงเพราะเหตุว่าเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
ในการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จะเชื่อถือได้หรือไม่เพียงใดนั้นให้พิเคราะห์ถึงความน่าเชื่อถือของลักษณะหรือวิธีการที่ใช้สร้าง เก็บรักษา หรือสื่อสารข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ลักษณะหรือวิธีการรักษา ความครบถ้วน และไม่มีการเปลี่ยนแปลงของข้อความ ลักษณะหรือวิธีการที่ใช้ในการระบุหรือแสดงตัวผู้ส่งข้อมูล รวมทั้งพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องทั้งปวง
..........นอกจากนี้พ.ร.บ.นี้ยังบัญญัติถึงเรื่องคำเสนอ คำสนอง การส่งข้อมูลไปถึง การรับข้อมูล เวลาที่การรับข้อมูลมีผล เป็นเรื่องที่ได้พัฒนาหลักในเรื่องสัญญาให้กว้างขวางออกไป และยังมีลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ผู้ออกใบรับรองลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ คณะกรรมการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ บทกำหนดโทษของผู้ที่ประกอบธุรกิจบริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่แจ้ง ขึ้นทะเบียน หรือไม่ได้รับใบอนุญาต และอื่นๆ รวม ๔๖ มาตรา
ผมไม่สามารถนำพ.ร.บ.นี้ทั้งหมดมาลงให้ดูได้เพราะไม่มีเครื่องสแกน พิมพ์ไม่ไหวแน่ ก็ขอให้ไปสืบเสาะหาอ่านและศึกษากันนะครับ พ.ร.บ.นี้กำหนดให้ใช้กับธุรกรรมในทางแพ่งและพาณิชย์เท่านั้น แต่หากจะนำไปใช้ในคดีอาญาด้วยก็เห็นว่าน่าจะนำหลักการเดียวกันนี้ไปใช้ได้ ไม่น่าจะขัดข้องแต่อย่างใด....
ศาลทรัพย์สินทางปัญญากับศาลล้มละลายกำลังใช้อยู่ ศาลอื่นก็น่าจะกำลังใช้
สรุป ขึ้นกับ องค์ประกอบอื่นๆ และพยานแวดล้อมมากกว่า


Posted by : ผู้พิพากษาเต้ย , Date : 2003-10-08 , Time : 00:19:28 , From IP : 172.29.3.98

ความคิดเห็นที่ : 3


   จะระบุได้ยังไงครับว่าใครเป็นคนสั่งorderทางcomputer
ในเมื่อ pin number ของแพทย์หากันมาใช้ได้ง่ายนิดเดียว
ลองถามextern ดู.......มีโพยจดpin numberของพี่ๆแทบทุกคน
ข้อมูลทางcomputer ของร.พ.ก็ hack ง่ายนิดเดียว
เผลอๆคนที่ดูแลระบบ computer เองก็อาจเป็นคนแก้ไขข้อมูลได้
ปัจจุบันที่ทำกันก็ไม่ได้sign ตามหลังทุกครั้ง ถ้าจะทำจริงคงซ้ำซ้อน และเสียเวลามาก


Posted by : ขอคิดด้วยคน , Date : 2003-10-08 , Time : 21:24:31 , From IP : 172.29.1.160

ความคิดเห็นที่ : 4


   ว่ากันตามหลักการแล้ว pin คือ การระบุตัวของผู้ใช้งาน
การบอก pin ให้คนอื่นรู้ ถือว่าเป็นความหละหลวมของตัวบุคคลครับ

แต่นั่นแหละครับ ยังไม่มีกรณีตัวอย่าง คงยังไม่มีใครเห็นความสำคัญกัน อนาคตไม่ไกลคงได้เห็นการใช้ระบบ sign แบบ biometric เช่นลายนิ้วมือ หรือ scan ม่านตากัน

ส่วนที่ว่าเจ้าหน้าที่คอมฯ เป็นคนแก้ข้อมูลนั่นก็หมายความว่าเจ้าหน้าที่คอมฯ ก็กำลังทำผิดต่อจรรยาบรรณของอาชีพ เช่นเดียวกับที่หมดทำผิดจรรยาบรรณแพทย์นั่นแหละครับ


Posted by : garnet , Date : 2003-10-08 , Time : 22:26:15 , From IP : 172.29.3.200

ความคิดเห็นที่ : 5


   ส่วนเรื่องการ hack นั้น ทำได้ไม่ง่ายครับ เรามีระบบรักษาความปลอดภัยที่ค่อนข้างดีและเชื่อถือได้ครับ

Posted by : garnet , Date : 2003-10-08 , Time : 22:36:02 , From IP : 172.29.3.200

ความคิดเห็นที่ : 6


   แม้แต่ระบบ encrypt ที่ secure ที่สุดในโลก ถ้าเจ้าตัวเลือกที่จะเปิดเผย password ก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี แปลว่าเรา "ไม่มี" ความปลอดภัย 100% จากการใช้คอมพิวเตอร์ ไม่ใช่เพราะว่าเราไม่ทันสมัย แต่เป็นเพราะความไม่ใส่ใจของผู้ใช้ซึ่งโทษ security ไม่ได้ครับ

ที่อยากให้เกิดอยู่คือการเขียน progress note อธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลามี crisis และ Order หรือการเปลี่ยน order ที่สำคัญๆ ซึ่งถ้าทำได้จะช่วยทั้งแง่กฏหมายและการเรียนการสอน เมื่อบวกกับการตรวจทานกับ nurse note ซึ่งจะมี brief explantation ของการรับ order ใหม่ๆด้วยก็ยิ่งสมบูรณ์และ fail-proof อีกระดับหนึ่ง

ระบบ log ของ events ต่างๆที่เกิดขึ้นที่ run อยู่เบื้องหลังสามารถดึงออกมาตรวจสอบได้ ตรงนี้อาจจะช่วยทำให้การ "ลอบแก้ไข" หรือ "retrospective change" สามารถตรวจ check ได้ ที่แน่ๆก็คือหากจับได้ผู้ทำอาจจะถูกเล่นได้อย่างหนักพิเศษด้วยข้อหาปลอมแปลงเอกสารราชการ สร้างหลักฐานเท็จ และวินัยข้าราชการอีกกระบุงโกย electronic tracking of event นั้นมี exist ในหลายๆ database programme ผมไม่ทราบว่าของเรามีระบบนี้ Installed อยู่หรือไม่



Posted by : Phoenix , Date : 2003-10-09 , Time : 00:59:56 , From IP : 172.29.3.215

ความคิดเห็นที่ : 7


   ทุก event ในระบบ ถูกบันทึกไว้หมดครับ อ.นกไฟ

เคยมีบางคนยืนยันว่าไม่ได้ทำ ๆ ครับ แต่สามารถ tracking จาก log event มายืนยัน ถึง เวลา และ station ที่เกิดเหตุการณ์ ได้ครับ


Posted by : garnet , Date : 2003-10-09 , Time : 08:04:10 , From IP : 172.29.1.179

ความคิดเห็นที่ : 8


   พูดถึงระบบการบันทึกและเป็นโอกาสดีที่คุณ Garnet ได้ให้เกียรติมาร่วมสนทนา มีเรื่องที่ผมสนใจอยู่ประการหนึ่งคือการ"ลบ" ผลการตรวจทางห้องปฎิบัติการเก่า ๆ ของผู้ป่วยออกจากระบบ ผมทราบเรื่องนี้ขณะทำวิจัยซึ่งเป็น retrospective review ซึ่งข้อมูลการตรวจทางห้องปฏิบัติการเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของ follow-up data ผมพบว่ามันไม่สามารถหาไก้ ในขณะเดียวกัน เวชระเบียนของผู้ป่วยนอกก็ถูกทำลายทุก 5 ปี พูดต่อไปถึงฟิล์มเอกซเรย์ที่ถูกทำลายเป็นระยะเช่นกัน
.
คุณ Garnet หรือใครที่ทราบเรื่องการดูแลระบบข้อมูลเวชระเบียน พอจะทราบไหมครับว่า เราพอจะปรับปรุงระบบการเก็บข้อมูลเหล่านี้ของผู้ป่วยให้ยั่งยืนกว่านี้ได้หรือไม่ สำหรับโรคที่"พบน้อย" (rare) ข้อมูลเหล่านี้เป็นประโยชน์เมื่อมาทบทวนแม้เวลาผ่านไปสิบหรือยี่สิบปีครับ
.
ขอความกรุณา


Posted by : shonikeka , Date : 2003-10-09 , Time : 12:19:31 , From IP : pedsurg.med.osaka-u.

ความคิดเห็นที่ : 9


   เหตุผลที่มีการลบข้อมูลบนระบบออก เป็นเพราะสมัยก่อนราคาค่า storage หรือ HardDisk เก็บข้อมูล ราคาสูงมาก เมื่อ 10 ปีก่อน เห็น HD ขนาด 80 MB ก็ตาโต เหมือนเห็น HD ระดับ Terabyte สมัยนี้ละครับ

แต่แนวโน้มปัจจุบัน คงมีการเก็บข้อมูลที่ยาวนานขึ้นครับ อาจเก็บไปเรื่อย ๆ โดยไม่ลบเลยก็ได้ครับ

ส่วนเรื่องการทำลายบรรดา hardcopy ทั้งหลาย ที่เป็นกระดาษหรือฟิล์ม ก็คงเกิดจากปัญหาเรื่องพื้นที่ในการเก็บเช่นเดียวกันครับ


Posted by : garnet , Date : 2003-10-09 , Time : 13:04:54 , From IP : 172.29.1.179

ความคิดเห็นที่ : 10


   ถ้าเมื่อไหร่ที่คิดว่าระบบสมบูรณ์แล้ว เมื่อนั้นแหละคือวิบัติ
log event ต่างๆ ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง ถ้ามีการจดโพย pin และ password


Posted by : ปิศาจลูกหมี , Date : 2003-10-09 , Time : 17:37:30 , From IP : 172.29.3.187

ความคิดเห็นที่ : 11


   ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ "การจด" ครับ แต่อยู่ที่การเปิดเผยของที่ควรจะเป็นความลับของตนเอง ถ้าผมทราบรหัสเข้าบัญชี Swiss bank ของซัดดัม et al ก็คงอยากจะจดเหมือนกัน

เหมือนๆกับการแขวนกุญแจบ้านไว้ที่หน้าประตู หรือไม่ได้ล็อคประตูรถแล้ววางของทิ้งไว้เต็มรถ อย่างนี้จะไปโทษขโมยทีเดียวทั้งหมดก็คงไม่ได้ เพราะเราดันไป neutralise risk ของการทำผิดไปซะ จากเดิม crime ที่ต้อง "พยายาม" ทำ กลายเป็นอาจจะเกิดจากการประมาทหรือคิดว่าไม่เป็นไร ระบบที่ "fool-proof" จริงๆนั้นยังไม่มีและคงจะยากที่จะมี เราคงต้องใช้หลักการเดียวกับเทพารักษ์กับคนตัดไม้ นั่นคือเราน่าจะพึ่งตนเองประกอบกับการช่วยเหลือจากภายนอกดีกว่าการที่จะคาดหวังระบบที่การันตีแก้ไขความประมาทละเลยของ users



Posted by : Phoenix , Date : 2003-10-09 , Time : 19:11:14 , From IP : 172.29.3.217

ความคิดเห็นที่ : 12


   ถูกต้องครับ ไม่มีอะไร สมบูรณ์ครับ
ถ้าจะว่ากันด้วยเรื่องความปลอดภัยแล้ว มีมาตรฐานที่เป็น ISO ด้วยนะครับ
เรียกว่า ISO 17799 ครับ ซึ่งอ่านแล้วทำยากกกกมากครับ

แต่ถ้าเรามัวแต่กลัว ก็คงจะขยับตัวลำบาก และถ้าเรา set security ให้เป็นเรื่องสำคัญมากจริง ๆ ก็จะเกิดแรงต้านจาก user มหาศาลครับ

เอาง่าย ๆ ครับ ถ้า username & password บน medicine ทำตาม ISO คือต้องเปลี่ยนทุก 3 เดือนและห้ามซ้ำหรือคล้าย password เก่าที่เคยตั้งแล้ว จะทำกันได้สักกี่ครั้งครับ ทุกวันนี้ password ก็ให้เครื่องจำให้ด้วยซ้ำ เกิดต้อง format เครื่องทีไร เดือดร้อนต้องมาขอ password ใหม่ทุกที ( น่าเก็บตังค์ค่าลืมรหัสนะครับ ศูนย์คอมฯ มหาลัย เค้าเก็บทีละ 50 บาท อิ ๆ ๆ )

อย่างว่าละครับ ความปลอดภัย กับความสะดวก มันเดินสวนทางกันเสมอครับ


Posted by : garnet , Date : 2003-10-09 , Time : 22:03:45 , From IP : 172.29.3.225

ความคิดเห็นที่ : 13


   อีกเรื่องที่ถูกเตือนมาจาก HA คือเรื่องการที่เปิดคอมฯ ทิ้งไว้ โดยไม่ logout ซึ่งอันตรายกว่าครับ แม้จะไม่มีใครมาสวมรอย order ก็ตาม แค่คนที่ไม่เกี่ยวข้องมาเห็นผล LAB ที่เปิดทิ้งไว้ ก็น่ากลัวแล้วครับ

อย่าคิดว่าทิ้งไว้แล้วเครื่องจะ logout ให้เองนะครับ เพราะกว่าจะ logout ก็มีช่องว่างระยะหนึ่งครับ

ผมว่าน่าจะ discuss เรื่องพวกนี้ใน zone ที่เป็น private หน่อยนะครับ มา post public แบบนี้ ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ครับ

ไว้ผมจะเปิด board สำหรับ private เฉพาะเครื่องในคณะฯ สัก board ดีกว่า แล้วค่อยไป discuss กันในนั้นดีไหมครับ


Posted by : garnet , Date : 2003-10-09 , Time : 22:52:12 , From IP : 172.29.3.225

ความคิดเห็นที่ : 14


   แย็บเล่นๆ เมื่อไรจะมีระบบ membership ที่ต้อง register ล่ะครับ เอาแค่สมาชิกมหาวิทยาลัยหรือคณะก็ได้ที่สามารถ post (แต่อ่านได้หมดทุกคน)



Posted by : Phoenix , Date : 2003-10-10 , Time : 03:58:54 , From IP : 172.29.3.245

ความคิดเห็นที่ : 15


   ตอนนี้แค่สร้างฐานข้อมูลครับ แต่ยังไม่ได้เขียนโปรแกรมเลย อิ ๆ ๆ

Posted by : garnet , Date : 2003-10-10 , Time : 08:17:48 , From IP : 172.29.1.179

ความคิดเห็นที่ : 16


   บางทีเจ้าของpinไม่ได้เป็นคนบอกเองหรอกครับ ขณะกดpin มีใครยืนอยู่ข้างหลังสักคน เห็นครั้งเดียวก็รู้แล้วว่ามีเลขอะไรบ้าง 4 ตัวเองจำง่ายจะตายไป พอรู้คนหนึ่งก็ส่งเวรต่อให้อีกคนหนึ่ง pinของตัวเองถูกใช้อย่างแพร่หลาย เจ้าของpinยังไม่รู้ตัวเลย กว่าจะรู้ก็ตอนที่มาfollw up ครับ..............
case นี้เราไม่เคยตรวจนี่นา คงลืมมั้ง...อ้าวdoseยาก็ผิด ทำไงดี! แต่ก็ยังดีนะดีนะที่ไม่สั่งยาชนิดที่แพ้ไปไม่งั้นได้ลาออกอีกคนแน่
ที่บอกว่ามีระบบรักษาความปลอดภัยดีนั้น ระดับไหนครับ....FBI ป่าว
มีกรณีตัวอย่างเป็นข่าวดังมาแล้ว เกมส์ragnarokไงครับ เจ้าของserver
ประกาศว่ามีระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม........เป็นไงครับท้าทายแบบนี้ ไม่กี่วันต่อมาโดนhack ล้วงไส้ล้วงตับหมดเกลี้ยง ขนาดpassword ของgame master กี่คนกี่คนเอามาshowให้ดูหมด.......!
หลังเหตุการณืครั้งนั้นทางบริษัทต้องปิดserver เพื่อปรับปรุงใหม่หมด...
computer ที่ hackไม่ได้มีอยู่ชนิดเดียวครับ คือcomputerที่ไมไได้
online... ไม่เชื่อถามพวกวิศวcomดู ... ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะ.....


Posted by : ขอคิดด้วยคน , Date : 2003-10-10 , Time : 22:32:56 , From IP : 172.29.1.160

ความคิดเห็นที่ : 17


   ถูกต้องครับ เครื่องที่ปลอดภัยที่สุด คือเครื่องที่ไม่ได้ online ครับ ไม่ต้องถามวิศวะคอมฯ หรอกครับ

เรื่องความปลอดภัยใช้ระบบไหน คงบอกไม่ได้ครับ ไม่งั้นคงไม่เรียกว่าความปลอดภัยครับ แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้ online กับ internet ครับ

ขอบคุณครับที่เตือนว่า pin 4 ตัว น้อยไป แต่การพูดอย่างนี้เป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับระบบ ( ซึ่งต่อไปถ้าผู้บริหารเห็นว่ามันปลอดภัยน้อยจนยอมรับไม่ได้ อาจมีความยุ่งยากตามมาครับ ) เพราะทีนี้คนที่ผ่านเข้ามาอ่านก็รู้ละครับว่าระบบมี pin 4 หลัก


Posted by : garnet , Date : 2003-10-11 , Time : 00:05:35 , From IP : 172.29.3.222

ความคิดเห็นที่ : 18


   ทั้งคนพิมพ์ PIN และคนยืนดูคนอื่นพิมพ์นั่นควรปรับปรุงทั้งคู่แหละครับ

คนที่กำลัง access account ส่วนตัว ไม่ควรจะทำให้มัน casual หรือทำเป็นไม่ care เกินไป พอๆกับการเดินประกาศในรพ.ว่าวันนี้ฉันจะวางกุญแจบ้านไว้ตรงไหนนั่นแหละครับ ส่วนคนที่เห็นคนอื่นกำลัง access username กะใส่ password อยู่ยังจะมายืนหัวโด่ค้ำหัวอยู่ก็คงต้องไปเรียนมารยาทเพิ่มเติม เรื่องนี้เป็นเรื่อง confidentiality เรื่องส่วนตัว คล้ายๆกับเห็นคนฉี่กำลังรูดซิบกางเกงปิดแล้วยังยื่นหัวไปขอดูอะไรหน่อยเหอะ

ต้องยอมรับว่าระบบ security ของเรานี้มีความเสี่ยงเยอะ บุคลากรส่วนใหญ่ใช้ internet เข้าไปใน web site หน้าแปลกๆ download programme อะไรก็ไม่รู้มาลองเล่นเต็ม hard drive ไปหมด anti-virus programme ก็หาของแท้ยากเย็นพอใช้ pirate ก็มีปัญหา updating virus definition ใหม่ๆ พูดง่ายๆเรา "ให้ความนับถือ" ข้อมูลน้อยมากนั่นเอง ข้อมูลจะรั่ว harddrive จะ crash ยังไงก็ดูจะไม่เป็นไร



Posted by : Phoenix , Date : 2003-10-11 , Time : 01:01:50 , From IP : 172.29.3.214

ความคิดเห็นที่ : 19


   แล้วจะแก้ไขยังไงดีละคะ ก่อนพิมพ์pinทุกครั้งคงต้องเหลียวหลังดูทุกครั้งสิคะ
จะให้จำpin7หลักแล้วเปลี่ยนทุก3เดือนคงทำไม่ได้คะ


Posted by : catty , Date : 2003-10-11 , Time : 05:43:25 , From IP : ppp-203.144.235.68.r

ความคิดเห็นที่ : 20


   ยังไงก็ได้ที่ work ครับ พิพม์เลขสี่ตัวใช้เวลาประมาณ 1 วินาทีเท่านั้น น่าจะพอหาเวลา "ส่วนตัว" สักวินาทีได้กระมัง?
ถ้ามีคุณเบื๊อกยงโย่ยงหยกอยู่ข้างหลังก็สั่งสอนไปก็ได้ครับ เขาจะได้เจริญขึ้น



Posted by : Phoenix , Date : 2003-10-11 , Time : 18:22:05 , From IP : 172.29.3.220

ความคิดเห็นที่ : 21


   ขอบคุณผู้พิพากษาเต้ยมากครับที่กรุณาให้ความรู้ เท่าที่ผมเข้าใจคือ ขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายรับรองธุรกรรมทางคอมพิวเตอร์ เพราะฉะนั้นตอนนี้จึงยังไม่มีผลทางกฎหมาย ถ้าฟ้องร้องกันจริงๆคงใช้เป็นหลักฐานไม่ได้ ต้องรออนาคตที่จะมีพระราชกิจจานุเบกษามารองรับใช่ไหมครับ

Posted by : ไม่ค่อยมีความรู้ทางกฎหมายครับ , Date : 2003-10-11 , Time : 21:01:34 , From IP : 172.29.1.160

ความคิดเห็นที่ : 22


   ฟ้องร้องได้ครับ แต่ศาลจะรับฟังหรือไม่ ขึ้นกับการศืบพยาน การพิสูจน์หลักฐานต่างๆ พรบ.นี้เพียงแต่กำหนดกฎดกณฑ์ กติกาเท่านั้น สังคมเปลี่ยนไป กระบวนการยุติธรรมก็ต้องก้าวตามให้ทันครับ

Posted by : ผู้พิพากษาเต้ย , Date : 2003-10-14 , Time : 13:54:06 , From IP : 172.29.3.180

ความคิดเห็นที่ : 23


   ถ้ามีปัญหาตอนนี้ ใครจะรับผิดชอบ ไม่ทราบทาง H.A. Hospital วางแนวทางแก้ไขไว้อย่างไร ขอคำตอบจากผุ้รับผิดชอบ

Posted by : a65 , Date : 2003-10-14 , Time : 17:48:20 , From IP : 203.113.71.136

ความคิดเห็นที่ : 24


   ต้องขอบอกว่า เวลาอยู่ ER น้องๆextern เค้ายังไม่มี pin+password เลยต้องใช้รหัสของพี่ๆใช้ทุนในการสั่งยาให้คนไข้ ซึ่งบางทีก้ไม่มีการตรวจเช็คอีกครั้ง เพราะคนไข้เยอะมากที่ER เป้นไปไม่ได้ที่จะคอยมาดูน้องๆทุกcase ไม่ทราบว่ามีวิการแก้อย่างไรบ้างครับ

Posted by : เราเอง , Date : 2003-11-05 , Time : 21:47:40 , From IP : 203.147.29.123

ความคิดเห็นที่ : 25


   อืม...น่าสนใจมากตรงนี้ ทางหนึ่งคือให้รพ.ออก temporary PIN/Password เฉพาะรุ่นที่มา turn ที่ ER โดยหมดอายุทุกครั้งและเปลี่ยนใหม่ทุกรุ่น แต่ไม่เห็นด้วยที่ให้พี่ พชท.บอก pin/password ของตนเองให้น้อง โอกาส messy จะสูงและเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดสามารถเละเทะได้มากทีเดียว



Posted by : Phoenix , Date : 2003-11-05 , Time : 23:28:27 , From IP : 172.29.3.226

ความคิดเห็นที่ : 26


   หรืออีกกรณีหนึ่งคือการที่ให้ทำอย่างนั้น จริงๆแล้วเพื่อให้พี่พชท.ต้องมาตรวจซ้ำอีกรอบ ซึ่งถ้าในทางปฏิบัติไม่ work ก็ต้องมาปรับทุกข์หาทางออกกัน ถ้าคิดว่า extern สั่ง order ได้ที่ er ก็ต้องให้ PIN/passwod อย่างว่า แต่ถ้าไม่ให้สั่งคงต้องลงมาดูว่า พี่ พชท.สามารถ cover extern ด้วย ตรวจของตนเองด้วยอย่างที่กำหนดไว้จริงหรือเปล่า กำลังคนที่จัดสรรลงมาอำนวยให้ระบบ run ได้หรือไม่ได้



Posted by : Phoenix , Date : 2003-11-05 , Time : 23:32:10 , From IP : 172.29.3.226

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.01 seconds. <<<<<