ความคิดเห็นทั้งหมด : 39

อาหารสำหรับบุคลากรคณะแพทย์ (หรือว่าบุปเฟร์ลิง)


   ต้องก็ชื่นชมการจัดงานกีฬาในปีนี้ ถือว่าจัดได้ยิ่งใหญ่อลังการเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าใช้งบไม่ทำไร ซึ่งถือว่าเป็นการเอาใจบุคลากรสุด ๆ งานทุกอย่างดูอลังการ ทั้งวันมีแต่ความชื่นชมจากบุคลากร
ถ้าไม่เพียงแต่ การเลี้ยงอาหารมื้อค่ำที่ตอนแรกก็วางไว้ดูดี มีชาติตระกูลอยู่หรอก แต่เมื่อถึงเวลา 18.00 น. เป็นเวลาที่ให้ทุกคนเริ่มตักอาหารได้นี้ซิ ไม่อยากจะบรรยายภาพที่เห็น โอ้ว!!! พระเจ้าจอทส์ บุคลากรกรูกันเข้าไปแย่งตักอาหารกันสุด ๆ อาหารที่วางเรียงรายไว้หายไปในพริบตา นึกแล้วไม่ต่างอะไรกับบุปเฟร์ลิงที่ลพบุรีเลย (บรรยากาศเหมือนกัน) มากี่รอบก็หมดทุกรอบ แถมมีบุคลากรบางคนยังมีการตัดอาหารใส่ถุงกลับบ้าน (คิดได้งัย)
งานกีฬาสีครั้งนี้จึงมีข้อตำหนิอย่างรุนแรงก็คือรูปแบบการจัดอาหาร ควรปรับปรุงเป็นรูปแบบอื่น
ส่วนอย่างอื่นดีหมด


Posted by : อะไรกันเนี่ยะ , E-mail : (skatkano@medicine.psu.ac.th) ,
Date : 2007-03-19 , Time : 10:36:19 , From IP : 172.29.1.94


ความคิดเห็นที่ : 1


   งานกีฬาสีทุกอย่างดีเลิศประเสริฐศรีมั่กมั่กๆๆๆๆ ประทับใจสุดๆๆๆๆ แต่เสียดายหน่อยเดียวอาหารค่ำไม่ค่อยจะอร่อยเท่าที่ควร

Posted by : nn , Date : 2007-03-19 , Time : 10:44:18 , From IP : 172.29.4.211

ความคิดเห็นที่ : 2


   ผมว่าเหมือนงานทำบุญเดือน 10 มากกว่า (ชิง......)

Posted by : หัวเหลี่ยม , Date : 2007-03-19 , Time : 11:27:21 , From IP : 172.29.1.162

ความคิดเห็นที่ : 3


   ปัญหาเรื่องอาหาร โดยเฉพาะการจัดอาหารแบบบุฟเฟ่ในงานนี้ อาหารเหลือที่โต๊ะเยอะมาก เพราะแต่ละคนไปตักอาหารแบบเกินตัว เรียกว่ากินเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ต้องตักเยอะ ๆ ไว้ก่อน แถมตักกันหลายๆ อย่างอีก ทำให้กินไม่หมด อาหารเหลือบานเบอะในแต่ละโต๊ะ ท้ายที่สุด ก็ต้องทิ้งถังขยะ เห็นแล้วหดหู่มาก เรียกว่ากินทิ้งกินขว้างกันจริง ๆ ซึ่งมันก็ยากที่จะแก้ อาหารบุฟเฟ่ก็ต้องเจอปัญหาแบบนี้ ให้แก้ที่นิสัยคน ก็ยากอีก เฮ้อ...

Posted by : Nick , Date : 2007-03-19 , Time : 12:20:14 , From IP : 172.29.3.148

ความคิดเห็นที่ : 4


   เห็นด้วยกะ คห.3 ค่ะ

อาหารเหลือเยอะมาก คนตักกันเกินตัว
มายาทของการทานอาหารบุฟเฟ่ต์ คือ ตักมาแต่พอดี ทานให้หมด ถ้าเหลือนี่ถือว่าน่าเกลียดมากนะคะ

บรรยากาศของการตักอาหารนี่แบบ แย่งกันสุดๆ ไม่มีการเข้าคิว
ใครแย่งได้แย่งเอา
รู้สึกแย่จัง
เราไปยืนเข้าคิวอยู่ ถึงกับเอ๋อไปเลย เมื่อเห็นการแย่งเข้าไปจู่โจมตักกันแบบนั้น

ไม่น่าเชื่อว่าเป็นสังคมปัญญาชนแบบนี้ - -"

ต้องแก้ที่ตัวบุคคลล่ะค่ะ ไม่โทษกรรมการจัดงานใดๆทั้งสิ้น
จริงๆอาหารมีมากพอสำหรับทุกคน เกินพอด้วยซ้ำ
ถ้าเพียงแต่เราจะรู้จักรอ รู้จักเข้าคิว รู้จักมารยาท และรู้จักแบ่งปัน เหลือให้คนอื่นตักบ้างอ่ะ

นึกๆดู อายพนักงานที่ร้านที่มาจัดอาหารให้เหมือนกันนะคะ ที่เห็นภาพแบบนั้นของเรา


Posted by : บุคลากร , Date : 2007-03-19 , Time : 13:03:52 , From IP : 172.29.7.157

ความคิดเห็นที่ : 5


   มันแสดงให้เห็นนิสัยคนกันชัด ๆ เป็นการประจานตัวเองไปในตัว บุคลากรคณะแพทย์แย่งกันกินเหมือน... คนภายนอกเอาไปพูด เราก็คงอับอายกันน่าดู คณะแพทย์อันทรงเกียรติที่ภาคภูมิใจกัน แต่กลับมีบุคลากรที่มีพฤติกรรมเยี่ยงนี้...



Posted by : ละอายแก่ใจ , Date : 2007-03-19 , Time : 13:08:39 , From IP : 172.29.1.121

ความคิดเห็นที่ : 6


   ไม่ได้อยู่ที่คนจัดแต่อยู่ที่นิสัยคนเข้าไปแย่งกินกันต่างหาก

Posted by : ไม่ได้แย่ง , Date : 2007-03-19 , Time : 13:17:56 , From IP : 172.29.2.154

ความคิดเห็นที่ : 7


   น่าจะเกิดจากรูปแบบการจัดการ ที่ผิดพลาดมากกว่า
คนที่ทำคงรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้
ปีหน้าเอาไว้เป็นบทเรียน อย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก
ลองเปลี่ยนคนรับผิดชอบใหม่ๆจะได้มีความคิดใหม่ๆ ไม่ซ้ำแบบเดิม


Posted by : น่าเห็นใจ , Date : 2007-03-19 , Time : 13:18:57 , From IP : 172.29.1.103

ความคิดเห็นที่ : 8


    ความหิว + ประสบการณ์ในอดีต อาหารเพียงพอ ขาดการประชาสัมพันธ์ ของคณะกรรมการจัดงาน และมาจากนิสัยโดยรวมคน ที่ว่ามือใครยาว สาวได้สาวเอา

Posted by : ร่วมแจม , Date : 2007-03-19 , Time : 13:57:46 , From IP : 172.29.3.148

ความคิดเห็นที่ : 9


   อาจจะเพราะว่าตอนเชียร์ช่วงเช้า อด ไม่ได้กินทั้งอาหารเช้าและอาหารกลางวัน มื้อเที่ยงจึงต้องไปซื้อกินเอง เชียร์จนเหนื่อยแต่ไม่มีกิน...

ก็เลยคิดว่ามื้อเย็นจะอดอยาก เหมือนมื้อเช้า


Posted by : อดอยากช่วงเช้า , Date : 2007-03-19 , Time : 16:31:47 , From IP : 172.29.1.121

ความคิดเห็นที่ : 10


   แล้วคราวต่อไปบุคลากรของคณะแพทย์เราจะมีนิสัยแบบบุพเฟ่ลิงอีกไหมล่ะ
คนกินก็วิจารณ์คนจัด ทั้งๆที่คนจัดก็พยายามหาวิธีให้แต่ละท่านกินอย่างอิ่มหนำแล้ววันงานท่านประเมินตัวท่านเองแล้วหรือยังว่าท่านใช้นิสัยการกินแบบไหน
ตักอาหารกินแบบมารยาทบุพเฟ่าหรือเปล่าล่ะ


Posted by : ชูชกยังแพ้ , Date : 2007-03-19 , Time : 16:46:28 , From IP : 172.29.2.235

ความคิดเห็นที่ : 11


   ตลกจริงๆครับ ผมมองแล้วหน่าย ผมว่า ทางคณะจัดทำจัดการเรื่องอาหารได้ดีมากครับ มีโต๊ะอาหารหลายๆที่ มีอาหารหลากหลาย
...
ผมเห็นบางคน เอาจานอาหารสองอันโกยเอาเนื้อ หมี่ และอื่นๆตักกันไป บางคนออกตัวนำหน้ามาเลยว่า กินกันเยอะ แต่ผมไปมองที่โต๊ะ เป็นโต๊ะสาวๆ + เด็ก 3-4 คน อาหารเต็มโต๊ะ ไม่รู้ตักไปทำไมกินก็ไม่หมด
...
ผมตักอาหารตัวเองรอบแรกแล้วเดินไปดูรอบหลัง ก็ยังได้อาหารที่หมดไปแล้วแล้วมาเติมใหม่ ก็ไม่รู้ว่าจะแย่งกันทำไมตอนแรก รับประทานจนอิ่ม แล้วหันไปมองอาหารเหลือรอบๆตัวที่โต๊ะอื่นๆ แล้วเสียดาย บางคนหยิบปลามาก็ไม่เห็นจะแกะกิน เหอะๆ
...
เรื่องนี้เคยเป็นที่ถกเถียงกันมาก สมัยงานราตรีสีเขียว ช่วงผมอยู่ ปี 1-2 ช่วงปี 2 มีคน comment ว่า อาหารบุฟเฟ่ท์ ไม่ได้เรื่อง เพราะ ว่าเราตักกันเกินพอดีนี่แหละ คนที่มาทีหลังก็อดรับประทานอาหารดีๆ ต่อมา จัดแบบโต๊ะจีน ก็ประสบปัญหารับประทานไม่พอ ยากมากๆครับ สำหรับการแก้ปัญหาเรื่องความไม่เข้าใจกติกามารยาทการรับประทานอาหารของคนไทยเนี่ย(ผมเหมารวมเลยนะครับ ใครที่รับประทานมีมารยาทก็ขออภัยครับ)


Posted by : Botsumu , Date : 2007-03-19 , Time : 19:59:12 , From IP : 172.29.9.163

ความคิดเห็นที่ : 12


   เห็นลักษณะจัดโต๊ะ ก่อนที่อาหารจะตั้ง คาดเดาไว้แล้ว ว่า เมื่อห้องทองจันทร์เสร็จก็คงฮือกันไปแย่งกันตัก และก็มีอาหารไปกองเหลือที่โต๊ะ ก็เลย... กลับบ้านดีกว่า

ก็คาดไว้ไม่ผิด

ทีมจัดนั้นเต็มที่ ผู้สนับสนุนงบก็เต็มที่ ก็เหลือแต่คนในคณะส่วนหนึ่งที่ต้องพัฒนานิสัยส่วนตนให้ทันไปด้วย


Posted by : คาดเดาไว้แล้ว , Date : 2007-03-19 , Time : 23:20:52 , From IP : 172.29.9.47

ความคิดเห็นที่ : 13


   ช่างเถอะนะก็แค่เรื่องอาหารการกิน

Posted by : *** , Date : 2007-03-20 , Time : 08:43:45 , From IP : 172.29.10.228

ความคิดเห็นที่ : 14


   จะให้ถูกใจทุกฝ่าย มันลำบากเน๊อะ คนนี้อยากได้แบบนั้น คนนั้นอยากได้แบบนี้ คนหน๋อคน กรรมการว่าไหม เห็นใจนะแต่ไม่แสดงออก

Posted by : มอด้วยกัน , Date : 2007-03-20 , Time : 09:12:57 , From IP : 172.29.1.220

ความคิดเห็นที่ : 15


   คนทำงานก็คิดกันดีแล้วครับ แต่ก็มีปัจจัยที่ควบคุม ไม่ได้บางส่วน ขอบคุณทุกคำชม และ คำแนะนำที่เป็นประโยชน์และขอฝากขอ้แนะนำต่อถึงผู้จัดงาน ในปีต่อไปครับ



Posted by : Staff จัดงาน , Date : 2007-03-20 , Time : 11:00:12 , From IP : 172.29.2.138

ความคิดเห็นที่ : 16


   เห็นด้วยกับ ความคิดเห็นที่ : 4 ค่ะ เราเองทำงานเหนื่อยทั้งวัน เสร็จงานหลังคนอื่นลงมาเห็นหลายคนรุมแย่งตักอาหารกัน เลยเลิกหิวไปเลย กลับบ้านดีกว่าค่ะ
(ปล.)มีคนแอบกระซิบมาว่าลงไปทีหลังไม่เหลืออะไรดีๆให้กินแล้วค่ะ


Posted by : เฮ้ออ , Date : 2007-03-20 , Time : 13:11:36 , From IP : 172.29.2.81

ความคิดเห็นที่ : 17


   เห็นใจคนจัด พยายามเต็มที่ที่จะให้ทุกคนได้กินกันทั่ว ๆ แต่เท่าที่สังเกตเต้นท์ภายนอกไม่ค่อยมีคนนั่ง จะนั่งกันใต้ห้องทองจันทร์ และใต้อาคารแพทยศาสตร์กันมากกว่า ปีหน้าคิดว่าน่าจะจัดเป็นโต๊ะจีน แบบเด็กนักเรียน นั่งให้ครบ 10 คน จึงจะเสริฟ ดีไหมค่ะ จะได้ดูดีมีระเบียบเรียบร้อย ที่แน่ ๆ ทางคณะได้ทดลองจัดหลายรูปแบบมาแล้วก็จะมีเสียงวิพากวิจารณ์กันทุกปี โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าปีนี้คณะจัดได้ดีแล้ว เพียงแต่คนของเราเองที่ไม่ค่อยรักษามารยาทในการกินกันเท่าไหร่

Posted by : ดอกไม้เหล็ก , Date : 2007-03-20 , Time : 13:28:42 , From IP : 172.29.1.193

ความคิดเห็นที่ : 18


   ใครมีภาพฝูงลิง และอาหารกองเหลือ เอามาอวดกันบ้างดีไหม เป็นการสร้างบรรยากาศอีกแบบ

Posted by : อยากเห็น , Date : 2007-03-20 , Time : 14:29:57 , From IP : 172.29.11.235

ความคิดเห็นที่ : 19


   คราวหน้าควรจัดอบรมมารยาทในการกินอาหารในรูปแบบต่าง ๆ ก่อน เสืยชื่อคนคณะแพทย์หมด ใครที่เป็นแบบเหมื่อนที่เขาว่า เห็นสมควรปับปรุงตัวด้วยไม่ต้องให้คนอื่นเตือน น่าจะคิดเองได้

Posted by : 1234 , Date : 2007-03-20 , Time : 19:36:50 , From IP : 172.29.1.76

ความคิดเห็นที่ : 20


   เห็นว่าลูกๆยังปฏิบัติตัวในการรับประทานอาหารไม่ถูกต้อง คณะในฐานะเป็นเป็นเบ้าหล่อหลอมควรร่วมรับผิดชอบร่วมกัน คงมีส่วนกันคนละครึ่ง จะทำอย่างไรสำหรับการจัดอาหารให้คนหมู่มากไม่ให้วุ่นวาย ถ้าจัดแบบนี้ที่ไหนๆก็คงเหมือนกัน สิ่งที่ท้าทายคือปีต่อไปจะทำอย่างไรต่างหาก ช่วยกันแนะนำรูปแบบหน่อยสิ ปีต่อไปผู้รับผิดชอบจะได้นำไปพิจารณา ช่วยๆกันนะครับ

Posted by : ร่วมรับผิดชอบ , Date : 2007-03-20 , Time : 21:06:39 , From IP : 172.29.5.46

ความคิดเห็นที่ : 21


   อันที่จริงจัดแบบโต๊ะจีนน่าจะดี แต่อาหารก็ต้องเพียงพอด้วย ไม่ใช่อุตส่าห์จัดโต๊ะจีนแต่อาหาร(จำนวนโต๊ะ) มีไม่พอกับคนกิน ซึ่งที่จริงก็น่าจะประมาณได้อยู่แล้วว่ามีเท่าไหร่จากการที่ให้คนแจ้งการเข้าร่วม ใครไม่แจ้งก็อดตามระเบียบ ไม่ต้องมีการกล่าวโทษกัน

Posted by : จัดโต๊ะจีน , Date : 2007-03-21 , Time : 08:20:33 , From IP : 172.29.1.121

ความคิดเห็นที่ : 22


    จัดอาหารได้เยอะดีแล้วแต่อย่า ลืมนะว่ายังมีบุคลากรที่มาจากชนบทและยังมีคนเห็นแก่ตัวอีกเยอะที่เตรียมถุงเตรียมกระเป๋ามาจากบ้านเพื่องานนี้โดยเฉพาะ บางคนเอาไปทำกับแกล้มต่อกันข้างนอกอีก

Posted by : โนเนม , Date : 2007-03-21 , Time : 09:36:37 , From IP : 172.29.10.228

ความคิดเห็นที่ : 23


    หรือว่าต้องจัดอบรมเรื่องมารยาทในการกินบุพเฟ่กันใหม่ก่อนที่จะจัดครั้งต่อไป

Posted by : โนเนม , E-mail : () ,
Date : 2007-03-21 , Time : 09:39:34 , From IP : 172.29.10.228


ความคิดเห็นที่ : 24


    ไม่เกียวกันเลยครับ จะบ้านนอกหรือชนบท ผมคิดว่าบุคลากรคณะแพทย์ มีการศึกษา มีมารยาท อาจจะมาจากการประชาสัมพันธ์ยังอ่อนไปหน่อยครับ หากรู้ว่าอาหารพอเพียง คงไม่ต้องไปแย่งกันให้เสียภาพพจน์ ของคณะแพทย์หรอกครับ คุณโนเนม ชอบดูถูกคนอื่น อย่ามองแต่ด้านไม่ดี ของคนอื่นให้มากนัก พยามมอง ส่วนดีของเขาบ้าง ทำใจให้เป็นกลางหน่อยครับ ในความมืด ยังมีความสว่าง มีสีดำก็ยังมีสีขาว

Posted by : คนกลาง , Date : 2007-03-21 , Time : 13:32:24 , From IP : 172.29.3.148

ความคิดเห็นที่ : 25


    คุณคนกลางอย่าเข้าใจผิดแต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆคุณไม่เห็นก็อย่ามาพูดดีกว่าแต่ผมเห็นมากับตาจริงๆมีหลายคนที่เตรียมถุงมาเพื่อจะเอาของกลับไปทานที่อื่นต่อ ไม่ได้ดูถูกใครและไม่อยากให้มีเหตการแบบนั้นอีกต่อๆไป

Posted by : โนเนม , Date : 2007-03-21 , Time : 14:57:29 , From IP : 172.29.10.228

ความคิดเห็นที่ : 26


   ผมเข้าใจว่าคุณ "คนกลาง" กำลังจะสื่อว่า การไร้มารยาทหรือการเห็นแก่ตัวนั้น ไม่ได้จำเป็นต้องแปลว่าเป็น "คนชนบท"

คนชนบทจำนวนมากเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และถ้าจะเทียบกัน (ไม่รู้ควรจะเทียบไปทำไม) ระหว่างคนชนบทและคนเมือง เรื่อง "ความเห็นแก่ตัว" นั้น คงจะตัดสินไม่ได้จากการเทียบกระมัง?



Posted by : Phoenix , Date : 2007-03-21 , Time : 15:39:50 , From IP : 172.29.3.231

ความคิดเห็นที่ : 27


    คุณโนเนมครับ ผมเห็นแล้วครับว่ามีการแย่งกัน ตักอาหารไปกิน แต่ผมมองว่านั้นเป็นเหตุการณ์ ธรรมดามาก มันต้องเกิดการแย่งการชิง หากของบางอย่างที่ตัวเองอยากได้ แต่มีของน้อยหรืออาจมีเข้าใจที่ผิดว่าของมีน้อย ไม่เพียงพอ ทุกคนมีความต้องการที่เหมือนกัน เพราะขณะไม่แปลกเลยที่จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ คนยังมีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด ทุกอย่างที่ได้ส่วนมากก็ได้มาจากการแย่งชิงแข่งขันกันทั้งนั้น ส่วนคนที่ตักใส่ถุง ผมคิดว่าเขาอาจจะเอาไปฝากเพื่อนที่ต้องปฏิบัติงานไม่สามารถลงมากินเองได้ เขาเหล่านั้นคือผู้ที่มีน้ำใจเอื้อเฟื่อต่อเพื่อน ส่วนคนที่เอาไปเป็นกับแกล้ม เมื่ออาหารมีเหลือแล้วจะเก็บไว้ให้บูดเน่าไปทำไม เขาคือผู้ที่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่า

Posted by : คนกลาง , Date : 2007-03-21 , Time : 16:44:15 , From IP : 172.29.3.148

ความคิดเห็นที่ : 28


   "เป็นธรรมดา" หรือไม่? อันนี้จะเป็น relative หรือ สัมพัทธ์กระมังครับ คุณคนกลาง

"ศีล" ก็แปลว่าปกติ ธรรมดา ประจำ เป็นเรื่องที่ดี ที่พึงประสงค์ ผมคิดว่าในกระทู้นี้น่าจะพยายามหาอะไรมาเป็นบทเรียนรู้ เราคงจะถามตนเองว่า "สามารถทำดีกว่านี้ไหม" โดยที่ยังคง "วัตถุประสงค์เดิม" ได้

ในสมัยก่อน (ก่อนมากๆๆ) เราต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่ออาหาร เพื่อที่อยู่อาศัย แต่เดี๋ยวนี้ "การต่อสู้ดิ้นรน" ได้มีระเบียบ มีมารยาท มีอะไรๆที่สังคมเรียกว่าศิวิไลซ์มากขึ้น ถ้าชุมชนนั้นๆคิดว่าเป็นสิ่งที่ดี ยอมรับได้ คำบางคำ เอามาใช้ในการสื่อสาร ก็จะเกิดภาพพจน์ (figure of speech ไม่ใช่ image นะครับ) ที่ไม่น่าดู อาทิ ถ้าการเข้าแถว เข้าคิวตักอาหาร กลายเป็นแย่งชิงแข่งขัน ภาพที่เกิดขึ้นมาก็ไม่น่าดู ไม่เรียบร้อย

ปัญหาคงไม่ได้อยู่ที่อาหารถูกนำไปให้ใครหรือไม่ แต่ผมคิดว่าประเด็นที่ถกเถียงกันอยู่คือ ควรจะนำไปในลักษณะอาการ มารยาท เช่นไร ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน



Posted by : Phoenix , Date : 2007-03-21 , Time : 19:48:53 , From IP : 172.29.9.70

ความคิดเห็นที่ : 29


   สีข้างคุณคนกลางสงสัยเลือดซิบ ๆ เต็มไปหมดแล้วนะเนี่ยะ

Posted by : หนายยยยย , Date : 2007-03-22 , Time : 07:37:01 , From IP : 172.29.9.47

ความคิดเห็นที่ : 30


    ช่างมันเถอะครับอย่าไปใส่ใจมันเลยก็ถือว่าเป็นธรรมดาทุกๆคนมีสิทธิ์ที่จะเสนอความคิดเห็น นานาจิตตังครับผมไม่ได้เคืองคุณคนกลางหรอกแต่ผมแค่เสนอสิ่งที่เห็นมากับตาจริงๆ แต่ถ้าเป็นผมก่อนที่เราจะตักใส่ถุงกลับบ้านก็จะต้องรอให้คนส่วนใหญ่เค้ากินกันก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกทีขอขอบคุณท่านphoenix ครับที่ช่วยให้สถานการ์ณมันดีขึ้น ก็จบๆกันไปครับเครียๆครับ

Posted by : โนเนม , Date : 2007-03-22 , Time : 10:46:33 , From IP : 172.29.10.228

ความคิดเห็นที่ : 31


    ธรรมดาคือปกติไม่แปลก ในสังคมมีทั้งคนดีและไม่ดี ใครสามารถทำให้ทุกคนเป็นดีได้ หากทำได้นั้นเป็นสิ่งเหนือจากธรรดา

Posted by : คนกลาง , Date : 2007-03-22 , Time : 10:48:24 , From IP : 172.29.3.148

ความคิดเห็นที่ : 32


   แย่งไม่ทันกะเค้า...กลัวโดนเหยียบ โดยกระแทก เลยขออด ..... บาย

Posted by : อด , Date : 2007-03-22 , Time : 11:59:32 , From IP : 172.29.3.131

ความคิดเห็นที่ : 33


   "ธรรมดา" นั้น เป็นสถานะ

เห็นด้วยว่าทำจนชินก็เป็นเรื่องไม่แปลกอะไร แต่ตรงนี้ยังไม่ได้บ่งชี้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป

สังคมมีทั้งดีและไม่ดีจริงครับ แล้วเราเอง "อยาก" ให้เป็นแบบไหน แต่ละคนก็จะร่วมมือกันช่วยกันคนละไม้ละมือ ไม่เพื่อเราเองก็เพื่อลูกหลาน ไม่เพื่อลูกหลานก็อย่างน้อยทำความดีถวายเป็นราชาบูชาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ได้

ผมเชื่อว่าเราทุกคนอยากให้ลูกเป็นคนดี คงไม่มีใคร ไม่มีพ่อแม่คนไหน บอกว่าลูกเป็นคนไม่ดีเป็นเรื่องธรรมดา นั่นคงจะเป็นสังคมที่เกิดตามมาอีกแบบนึง

การที่เรามีโรงเรียน มีวัด มีโบสถ์ มีสุเหร่า เพราะเราเห็นว่า "ความดี" เป็น "ธรรมดาที่เราอยากให้เป็น" ผมคิดว่าถ้าจะมีพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ พระ บาทหลวง นักบวช พยายามสั่งสอนคนให้เป็นคนดี มีมารยาทอันงาม มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่นั้น ไม่มีใครกำลังคิดว่าตนเองกำลังทำเรื่องเหนือธรรมชาติ เหนือธรรมดาอยู่ดอกนะครับ การที่สังคมมีคนไม่ดีนั้น ไม่น่าจะเป็นสิ่งที่เราพึงวางเฉยเพราะเห็นเป็นเรื่อง "ธรรมดา"

นิสัยลบทั้งหลายแหล่ มันเป็นเหมือนโรคติดเชื้อ เมื่อเห็นแก่ตัวเรื่องเล็กๆ ก็จะกลายเป็นเห็นแก่ตัวเรื่องใหญ่ๆ ธรรมดาเรื่องเล็ก อีกหน่อยก็จะเป็นธรรมดาเรื่องใหญ่ วันนี้แซงคิวขึ้นลิฟต์ แซงคิวตักอาหาร วันหน้าก็จะมีการลำเอียง ใช้เส้นสาย ติดสินบนในการทำงาน

เป็นธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา



Posted by : Phoenix , Date : 2007-03-22 , Time : 12:29:32 , From IP : 172.29.3.231

ความคิดเห็นที่ : 34


    ผมก็อยากเห็นสังคมดีครับ ใช่เราต้องร่วมมือกันสร้างความดี เพื่อลูกเพื่อหลาน ผมก็อยากเห็นลูกเป็นคนดี ของสังคม เราต้องทำตัว เป็นตัวอย่างแก่ลูกแก่หลาน ชนรุ่นหลัง แต่หากใครเขาไม่ดีเราก็ควรเห็นใจสงสารเขานะครับ เพราะเป็นแบบนั้นของเขาเอง มันเป็นธรรมดาของเขา แล้วเราจะแก้ไขอะไรเขาได้ เราจะช่วยเขาอย่างไร สาเหตุปัญหาการแย่งชิงกันกินอาหาร เพราะอะไร ทำไมเขาจึงแย่งกัน

Posted by : คนกลาง , Date : 2007-03-22 , Time : 13:35:18 , From IP : 172.29.3.148

ความคิดเห็นที่ : 35


   ก็อยากให้ทุกคนรู้จักแบ่งปันกัน และรู้จักมารยาทของการกินบุฟเฟ่ ตักไปกิน
ให้หมดแล้วมาตักใหม่ ปฎิบัติเหมือนกันทุกก็จะมีอาหารพอให้ทุกคนในงาน
ได้กินกัน


Posted by : คนธรรมดา , Date : 2007-03-24 , Time : 12:27:43 , From IP : 172.29.2.93

ความคิดเห็นที่ : 36


   ความหิว ความอยาก ความต้องการ เป็นสิ่งพื้นฐานของสัตว์โลก
ลองนึกภาพ คนกลุ่มใหญ่ (เกือบทั้งคณะ) ทำกิจกรรมมาทั้งวันทุกคนหิวและเหนื่อย และมีอาหารสำหรับทุกคนแต่ต้องรอกินพร้อมกัน เมื่อปล่อยให้กลุ่มคนจำนวนมากเริ่มต้นตักอาหารพร้อมกัน ก็จะเกิดภาพดังที่ปรากฎในงานเลี้ยงอาหารค่ำของกีฬาสีคณะแพทย์ของเรานี่ละค่ะ แม้ว่าอาหารค่ำมื้อนั้นจะจัดให้มหาเศรษฐี ปัญญาชน หรือใครก็ตาม..... นี่คือความจริง
ฉะนั้นปีหน้าเราต้องวางแผนให้ดีนะค่ะ


Posted by : มัช , Date : 2007-03-26 , Time : 22:31:16 , From IP : 172.29.1.84

ความคิดเห็นที่ : 37


    คุณมัช คุณแสดงความคิดเห็นได้โดนใจผมมาก ผมคิดว่าคนจัดงานในครั้งต่อไปต้องคิดไว้ให้มาก ไม่ใช่เมื่อเกิดเหตุการณ์ ดังที่ปรากฏแล้ว จะมากล่าวโทษว่าคนที่กินงานเลี้ยงคืนนั้น กินอย่างไม่มีมารยาท ไร้การศึกษา

ในเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันทั้งหมด และหาทางป้องกันแก้ไข ไม่ให้เกิดขึ้นมาอีกในคราวต่อไป


Posted by : คนกลาง , Date : 2007-03-28 , Time : 11:53:07 , From IP : 172.29.3.148

ความคิดเห็นที่ : 38


   เห็นว่าอาหารเหลือเยอะเพราะส่วนหนึ่งคนเห็นแย่งกันเลยกลับดีกว่าเลยเหลือคนกินน้อย ก็เลยกินเสร็จเร็วด้วย

Posted by : sunday , E-mail : (sunday2005@yahoo.com) ,
Date : 2007-03-28 , Time : 13:28:12 , From IP : 172.29.2.99


ความคิดเห็นที่ : 39


   คุณคนกลาง = คนที่อยู่ในเหตุการณ์ (ผู้ปฏิบัติลงมือจริง"_")

Posted by : Observer , Date : 2007-03-31 , Time : 17:02:09 , From IP : 172.29.3.232

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.019 seconds. <<<<<