ความคิดเห็นทั้งหมด : 0

คัมภีร์มหาโกง ตอนที่ 4 เรื่องบริจาคมากได้บุญมาก


   แต่งและเขียนเรื่องโดย เซบาสเตียน

26 กุมภาพันธ์ 2550

เรื่องนี้เป็นจินตการของผู้แต่งเท่านั้น หากชื่อบุคคล สถานที่หรือเหตุการณ์ตรงกับใคร ทางผู้จัดทำ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
--------------------------------------------------------------
ตอนที่ 4 เรื่องบริจาคมากได้บุญมาก

ณ ร้านคาราโอเกะ แห่งหนึ่ง

แสงไฟวูบวาบสะท้อนไปมา มีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังร้องเพลงอย่างสนุกสนาน บางคนปรบมือตามจังหวะ บางคนลุกขึ้นมาเต้น วันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์ใครๆต่างมาที่นี่เพื่อผ่อนคลายกับการทำงานทั้งวัน แต่ในมุมหนึ่งของร้านที่ใกล้ประตูทางออก เมื่อคุณกวาดสายตาไปจะเห็นหนุ่มสองนายนั่งอยู่

ตึง..ตึงตึง หนุ่มหนึ่งกำลังฮัมเพลงฆ่าเวลาระหว่างรอคิวเพลงที่ตัวเองเลือกไว้ ทันใดนั้นหันไปมองเพื่อน
"เฮ้ย เคนเป็นไรวะ เหล้าเต็มแก้ว ลูกน้ำว่ายเต็มเลย มึงเห็นไหม" เพื่อนสมัยมัธยมแซวเพื่อนที่คบกันมานาน

ปกติเพื่อนกลุ่มนี้นัดเจอกันทุกๆเดือน หลังจากที่เรียนจบมัธยมกัน วันนี้ทุกคนต่างมีทางของตัวเองหมดแล้วอย่างเคนเป็นพนักงานบัญชีบริษัทชื่อดัง ส่วนอีกคนที่แซวเป็นตำรวจประจำท้องที่แห่งหนึ่ง วันนี้มากันเพียงสองคนเพราะเพื่อนคนอื่นต่างติดงาน
"กูกะไม่มานะวันนี้ เห็นไม่มีใครมาก็เลยมาเป็นเพื่อนมึง ดันมาแซวกูอีกไอ้คุณทนง" เคนพูดหยอกกลับบ้าง

"อ้าวกูเห็นมึงทำเศร้านิหว่า เดี๋ยวถึงตากูร้อง กูให้มึงร้องแทน อย่าเครียด เพื่อนอย่าเครียด" อีกฝ่ายปลอบใจ

"กูปรึกษาสักเรื่องเด่ะ มึงว่าแปลกไหมวะ คนบริจาคแบบแชร์ลูกโซ่ มึงเคยได้ยินไหมวะ" เคนถามอย่างสงสัย

"แปลกมาก กูตั้งแต่อยู่ท้องที่มาไม่เคยเจอคดีแบบนี้ มีเหรอวะ" ทนงตอบแบบหน้าซีเรียส

"นั้นสิแม่กูขอยืมเงิน 200,000 บาทบอกจะไปทำบุญ ท่านบอกว่าวัดนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก ถ้าหาคนมาบริจาคต่อได้ก็จะได้เงินส่วนหนึ่งด้วย รู้สึกชื่อวัดสมาธิกาย นายเคยได้ยินเปล่า"

"เคยได้ยินสิวะ เห็นออกข่าวว่าเมื่อ 10 ปีก่อนว่า บางครอบครัวบริจาคเงินให้หมดเลยก็มี ตอนนี้ยังอยู่อีกเหรอ กูเองก็ไม่ได้ตามข่าว แต่กูว่าแม่มึงโดนหลอกแน่ มีใครที่ไหนวะทำบุญที 200,000 บาท ถามยังหาคนเหมือนแชร์ลูกโซ่อีก" ตำรวจทนงตอบเคน

"เออ คิดเหมือนกูเลย กูว่าแม่กูต้องเจอหลอกแน่ เลยจะไปเป็นเพื่อนแม่สักหน่อย มึงก็รู้กูหัวอ่อน มึงไปกับกูอีกสักคนสิ มึงเป็นตำรวจเพื่อรู้อะไรดีๆ" เคนทำหน้าเศร้าแต่รู้อยู่แล้วว่านิสัยเพื่อนเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือ อย่างไรก็ต้องไปแน่

"เอาเด่ะ เรื่องแบบนี้กูชอบ รู้นิสัยตำรวจดีนิหว่าชอบลองของ 555555+" อีกฝ่ายหัวเราะเพราะคิดว่าแม่เคนโดนหลอกแน่นอน

แล้ววันที่นัดกันก็มาถึง วันที่ตำรวจทนงสอบถามจากแม่ก็ยังไม่อยากเชื่อ แต่ถ้าฟังเหตุผลของแม่เคนก็ดูน่าเชื่อถือและน่าสนใจมาก
"ที่นี่มีพวกผู้บริหารบริษัทดังๆทั้งนั้น ถ้าเอ่ยแล้วจะร้อง ไม่น่าเชื่อ นายกรัฐมนตรีก็มาบริจาค ทุกคนพูดว่าระดับคนใหญ่ คนโต ไม่มีใครให้หลอกกันง่ายๆหรอก"
"สมาชิกมีเป็นล้าน มีเครือข่ายทุกมุมโลก ถ้าโดนหลอกจริงทำไมถึงหลอกคนเป็นล้านได้ละ" ขนาดตำรวจทนงฟังยังรู้สึกน่าสนใจ จึงไม่แปลกใจเลยกับคนทั่วไป

เมื่อแม่เคนพาทั้งเคนและตำรวจทนงไป ต้องรู้สึกอลังการมากกับงานก่อสร้าง ตำรวจทนงพออ่านข่าวมาก่อนแต่ไม่คิดว่าเมื่อเจอด้วยตัวเองจะใหญ่โตอะไรเช่นนี้ มีการทำบุญเสาวัดเสาละสองร้อยบาทด้วย เป็นการตลาดที่ดึงทั้งระดับบน ระดับกลาง และระดับล่าง ที่นี่เก่งมากสามารถเข้าถึงเด็กๆได้ด้วยการ์ตูนและเพลง และที่ตำรวจทนงทึ่งคือที่นี่ทำงานเป็นขบวนการใหญ่ มีเส้นสายใหญ่มากเพราะมีผู้อิทธิพลเข้ามาทำธุรกิจไม่ว่าเป็นงานก่อสร้างของ บริษัท ก่อสร้างสกายโฮม หรือ ธนาคารสิงห์ไทยพาณิชย์ที่ให้กู้ อันเป็นธุรกิจที่หมุนเวียนนับพันล้านบาท ยังไม่รวมอย่างอื่นเช่น อุปกรณ์สงฆ์ต่างๆ ค่าดอกไม้ เสื้อผ้า อาหาร ยังไม่รวมค่าจุกๆ จิกๆ อื่นอีก ไม่อยากคิดเลยว่าวันๆหนึ่งจะมีเงินหมุนเวียนกี่ล้านบาท

แต่ตำรวจทนงก็ยังติดใจคำพูดของแม่เคนที่ว่า
"ถ้าหลอกจริง จะหลอกได้เป็นล้านคนหรือ แถมมีบุคคลที่น่าเชื่อถือเข้าเป็นสมาชิกอีกมากมาย"

เมื่อทำกิจกรรมเสร็จจะมีการเข้าห้องประชุมเปรียบได้กับศาลาการเปรียญเพื่อฟังพระเทศนาเป็นประจำเกือบทุกวัน ส่วนใหญ่จะเป็นสมาชิกใหม่ที่ต้องการบริจาค มีการสวดมนต์ ฉันอาหาร กรวดน้ำ อันเป็นปกติของกิจสงฆ์

"อาตมาขอบใจ ญาติโยมทั้งหลายที่วันนี้มากันนะเออ" พระรูปหนึ่งประกาศผ่านไมค์
"การบริจาค เพื่อเป็นการสะสมบุญ บารมีนะเออ"
"สาธุ" ทุกคนพร้อมใจกันตอบรวมทั้งตำรวจทนงและเคน

"อย่างนายบัณฑิต ตามที่ดูสไลด์นะเออ บุคคลนี้เมื่อก่อนก็ทำบุญโดยการสร้างวัดมาก ชาติที่แล้วท่านมีเงินเมื่อเทียบกับสมัยนี้ก็ประมาณ 1 ล้านบาท แต่เพราะบุญบารมีที่ได้ทำนั้นทำให้นายบัณฑิตเป็นลูกเศรษฐีแล้วมีเงินมากขึ้น 10 เท่านะเออ" ท่านกล่าวอย่างอารมณ์ดี
"สาธุ" ทุกคนพร้อมใจกันตอบรวมทั้งตำรวจทนงและเคน

"เห็นไหมโยม ตัวอย่างที่อาตมายกมานั้นแสดงว่า ยิ่งบริจาคมาก ก็ได้บุญมาก บุญอันเป็นบารมี ความเพียรที่เราสะสมในชาตินี้ เพื่อให้เราเป็นอภิมหาเศรษฐีในชาติหน้านะเออ"
"สาธุ" ทุกคนพร้อมใจกันตอบรวมทั้งตำรวจทนงและเคน

เมื่อท่านเทศนาเสร็จก็มีการถวายปัจจัยทั้งหลาย โดยเฉพาะแม่เคนที่เตรียมเงินถวายให้แก่ท่านด้วย

"ขอบใจญาติโยมที่ช่วยกันทำบุญ อย่าลืมชักชวนบุญเพื่อให้ทุกคนได้บุญกันนะเออ ตอนนี้เราจะให้ที่นี่เป็นศูนย์กลางบอกบุญทั่วโลก เราจะให้ทั่วโลกได้รู้ว่าบุญบารมี ควรสะสมไว้เพื่อภายภาคหน้านะเออ" หยุดดื่มน้ำสักครู่
"เอาละ ทุกคนก็เหนื่อยกันทั้งวันแล้ว วันนี้อาตมาต้องขอขอบใจ เจอกันใหม่วันพรุ่งนี้นะเออ"

"สาธุ" ทุกคนพร้อมใจกันตอบรวมทั้งตำรวจทนงและเคน

"เดี๋ยวก่อนท่าน" เสียงนายตำรวจทนงนั้นเอง ทุกคนในห้องประมาณ 300 คนหันมามองที่เคนคนเดียว

"ทำแบบนี้จะดีเหรอเพื่อน" เคนสะกิจเพื่อนเบาๆ

"คนอย่างกู ไม่กลัวหรอก ถ้ากลัวแล้วจะมาทำไม" ตำรวจทนงตอบอย่างเบาๆ

"ผมว่าที่นี่หลอกประชาชน มีอย่างที่ไหนบอกว่าบริจาคมาก ได้บุญมาก การทำบุญที่ไหนมีการหาสมาชิกแบบแชร์ลูกโซ่อีก" ตำรวจทนง ทนงสมชื่อพูดอย่างไม่กลัวโดนประชาทัณฑ์

"ท่านศักดิ์สิทธิ์นะ ท่านไม่ได้หลอก ถ้าหลอกจะหลอกได้เป็นล้านคนเหรอ" หญิงวัยกลางคนหนึ่งพูดตะโกนด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
"ใช่ ขนาดรถกูหาย ท่านยังนั่งทางใจยังหาเจอเลย มึงไม่เห็นเหรอมีรถมาให้ท่านเจิมวันหนึ่งเป็นร้อยคัน" ชายผู้ดูภูมิฐานชี้แจ้ง
"ขนาดคนรวย คนมีชื่อเสียงยังเป็นประธานวัดให้ท่าน มึงว่ากล่าวท่านระวังนรกจะถามหา" หญิงวัยกลางคนเดิมกล่าวเสริม

ตำรวจทนงถูกสอนว่าเมื่ออยู่ในสถานการณ์แบบนี้ต้องให้หลักจิตวิทยาเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ หรือควรกล่าวขอโทษ แต่ด้วยความที่ตนเป็นหนุ่มไฟแรง และที่มาเป็นตำรวจเพราะตัวเองก็เคยโดนคนอื่นรังแกและโดนหลอก จึงทนไม่ได้ที่เห็นคนอื่นโดนหลอกเช่นกัน

"เรื่องรถหายสำหรับผมไม่ยากเลย แค่ให้เด็กปั๊มน้ำมันหรือคนใกล้ชิดหลอกปั๊มกุญแจ แล้วให้หน้าม้า คนใกล้ชิดล่อให้เข้ามาติดกับหมอดูหรือพระปลอม ทำทีนั่งทางในมีปาฏิหารย์ ว่ารถอยู่แถวโน่น แถวนี้ บางคนเก่งหน่อยทำเป็นไม่เอาเงินแต่สุดท้ายเจ้าของรถก็ต้องให้เงินอยู่ดี คดีแบบนี้ผมเจอมาเยอะแล้ว" ตำรวจทนงกล่าว

"ผมเป็นเจ้าของกิจการนะครับ ท่านอ่านใจคนได้ด้วย" ชายผู้ดูภูมิฐานกล่าว

"ผมว่าท่านวิเคราะห์จากบุคคลิก สืบประวัติ และวางแผนหลอกมากกว่าเรื่องแบบนี้ผมก็ทำได้" เคนกล่าวอย่างมั่นใจ

หญิงวัยกลางคนเดิมรู้สึกอยากเอาชนะและเธอศรัทธากับวัดนี้มาก กินอยู่นอนกับวัด เธอทนไม่ได้ที่เห็นคนว่ากล่าวท่าน
"ฉันไม่ได้โกหกนะเรื่องจริงเห็นมากับตา มีคนโดนของขยับตัวไม่ได้ ท่านสวดมนต์ เชื่อไหม? สักพักใหญ่ๆ ของก็ออก แล้วคนนั้นก็ขยับตัวได้เป็นปกติ" เธอกล่าวอย่างมั่นใจและอยากให้ตำรวจทนงศรัทธา

ตำรวจทนงเป็นตำรวจที่ขยันทำให้มีประสบการณ์จากคดีต่างๆมากมาย เลยตอบไปว่า
"ผมว่าคนนั้นโดนยาสลบมากกว่าครับ โดนผู้ไม่หวังดีใช้ยาสลบแบบไอระเหย ยาสลบบางชนิดถ้าสูดดมเข้าไปทำให้ตัวขยับไม่ได้แต่ยังรู้สึกตัวได้ครับ"

"เดี๋ยวก่อนๆ อย่าทะเลาะเพราะอาตมาเลย ของบางอย่างอยู่ที่ความเชื่อนะเออ" ท่านกล่าวอย่างเมตตา

"แต่ว่......" ตำรวจทนงพูดขึ้นอย่างไม่เกรงกลัวแต่แล้วก็เงียบเพราะมีเสียงจากที่ไม่รู้ดังก้องหัว

"โยม ถ้าได้ยินเสียงอาตมาก็เงียบนะ อย่าบอกใครนะเออ อาตมาไม่ชอบอวดอ้างปาฏิหารย์ เพราะนั้นมิใช่ทางศาสนา"

ตำรวจทนงตกใจ เหงื่อตกถามเคนว่าได้ยินเสียงไหม
"เฮ้ย นายเพี้ยนแล้วเหรอ เราไม่เห็นได้ยินเลย"

"โยม เชื่ออาตมา ก็เข้ามาหาอาตมาแล้วขอโทษอาตมาซะ ก็ไม่มีใครว่าแล้วนะเออ" เสียงยังคงก้องในหัวตำรวจทนง

ตำรวจทนงตกใจเกิดมาไม่เคยเจออะไรแบบนี้ ด้วยความกลัวว่าเจอของจริง แถมไปว่าท่านอีกกลัวจะตกนรก เลยเดินฝ่าเข้าไปแล้วก้มลงกราบพร้อมกล่าวว่า
"ผมขอโทษครับท่าน ต่อไปผมจะไม่ทำอีกแล้ว" ตำรวจทนงพูดไป ร้องไห้ไป เพราะกลัวว่าตนเองจะตกนรกที่ว่ากล่าวท่าน

ทุกคนเห็นภาพที่ตำรวจทนงแล้วรู้สึกเห็นใจ คนทำผิดแล้วขอโทษ ท่านเองให้อภัยอย่างไม่ถือสา เป็นภาพที่งดงามมากต่างปรบมือให้กับตำรวจทนงผู้รู้จักสำนึกผิด บางคนร้องไห้กับความเมตตาของท่าน บางคนเห็นภาพนี้บ่อยจนชินเพราะมีผู้อยากพิสูจน์มาหลายคนแล้ว แต่ทุกคนเหมือนมีมารในใจที่ต้องมีผู้บริสุทธิ์ช่วยชี้ทาง

สุดท้ายท่านเลยให้สามัคคีชุมนุมกัน ร่วมกันร้องเพลงอย่างจริงใจ

วันนั้นทุกคนกลับบ้านด้วยความปิติ อย่างน้อยปาฏิหารย์เกิดขึ้นแล้ว วัดสมาธิกายได้สมาชิกใหม่เป็นตำรวจทนงและเคน หรือว่าการบอกบุญ MLM จะเป็นเครื่องชี้นำทางเพื่อให้วันนี้เป็นศูนย์กลางของศาสนาโลก

ส่วนคืนนั้นทั้งตำรวจทนงและเคนต่างฝันเหมือนกัน ฝันว่าพระที่วัดสมาธิกายท่านมาหาแล้วกล่าวทักทายทั้งสองคน

"นโม นโม สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง"
.
.
.
ณ สถานีตำรวจแห่งหนึ่ง

มีตำรวจหญิงคนหนึ่งนั่งอยู่คนเดียวทำหน้ากลุ้มใจเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ติดอยู่ในใจ
"หมวยคนเก่ง เป็นอะไร" ผู้กองมาดเข้มถาม

"เปล่าคะ ผู้กอง"

"มีอะไรก็บอกกัน นั่งกลุ้มใจแล้วช่วยเหลือประชาชนได้ไง" ผู้กองถามต่อ

"คือว่าทนงแฟนหนู มาขอเงิน 200,000 บาทคะ ผู้กอง"

"อ้าวมีเรื่องเดือดร้อนหรือเอาไปล่อซื้อยาบ้าละ" ผู้กองถามอีก

"ถ้าใช้หมวยก็ไม่มากลุ้มหรอก แต่เอาเงินไปทำบุญ ไม่รู้ว่าบุญอะไรหนักหนาตั้ง 200,000"

"ผมว่าแฟนหมวยโดนหลอก เป็นตำรวจทั้งทีทำไมให้โดนหลอกวะ ถ้าทนงจะไปอีกมาบอกผม ผมจะไปด้วย มีอะไรเราช่วยกัน ไม่ใช่มานั่งกลุ้มแบบนี้ไม่ช่วยอะไรดีขึ้นหรอก" ผู้กองพูดเหมือนสอนลูกน้องในตัว

"จริงเหรอคะ" กำลังชวนใครสักคนไปด้วย

"จริงสิ ผมเองไม่ชอบให้คนโดนหลอก ชอบเอาความไม่รู้ของคนมาหากิน" ผู้กองทำหน้าแบบจริงจัง

"งั้นขอรบกวนผู้กองคะ อีกสามวันทนงจะไปวัดสมาธิกายตอนบ่ายโมง ผู้กองว่างไหม"

"ได้ อีกสองวันเตือนผมด้วย"

"ขอบคุณคะผู้กอง" เธอยกมือทำความเคารพด้วยความจริงใจ
----------------- บทสรุป -----------------------

มีคนเขลาบางคนยังคิดว่า องค์พระศาสดาที่เป็นศาสดาได้นั้นเพราะเอาคาถา อาคมต่างๆ มาหลอกผู้คนแล้วตั้งตนเป็นองค์พระศาสดา
เลยมีบางคนคิดจะเลียนแบบพระศาสดาและแต่งตั้งตนเป็นศาสดาบ้าง

อย่าแปลกใจทำไมบางประเทศถึงมีลัทธิเต็มไปหมดและผู้คนถึงเชื่อถืออย่างมากมาย
อย่าแปลกใจทำไมบางประเทศทหารถึงทำสงครามศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่กลัวตาย
อย่าแปลกใจทำไมบางประเทศถึงจับคู่แต่งงานกันโดยมีสมาชิกนับแสนทั่วโลก
อย่าแปลกใจผู้นำบางคน บางประเทศเชื่อเรื่องแบบนี้อย่างสนิทใจ และมีข่าวเล่นของอยู่บ่อยๆ
อย่าแปลกใจทำไมหมอดูบางคนถึงดังและมีคนนับหน้าถือตามากมาย

เพราะของบางอย่างพวกเขาเหล่านั้นโดนพิสูจน์แล้วว่ามี ทำให้เชื่ออย่างสนิทใจอย่างเช่นตำรวจทนง

ตำรวจทนงโดนตอนกรวดน้ำ(แตะตัวกัน)แล้วโดนพระท่านใช้คาถาอาคม ทำให้โทรจิตเข้าไปหาตำรวจทนงได้
ส่วนสามัคคีชุมนุมคือการคลายคาถา

ส่วนฝันนั้นมีคนสอนว่าใช้ผีเข้าฝันจริงๆ (ผู้ถือศีลบางคนมีวิชาใช้ผีได้จริงๆ)

ถ้าสังเกตุดีๆ เวลาที่มีเจ้ายศ ขุนนางมาหาหรือเยี่ยมประชาชน จะมีการจับตัวต่อกันเพราะต้องการอ่านใจผู้คิดร้าย และก่อนกลับก็จะทำแบบเดี๋ยวกันเพราะต้องการถอนคาถา
ยังมีอีกวิธีไม่ต้องแตะตัวก็อ่านใจได้โดยใช้ผีหรือกุมาร (เป็นศาสตร์ขั้นสูง)

และนี้เป็นสาเหตุว่าทำไมพระพุทธองค์ต้องบัญญัติให้พระอยู่ในศีลและธรรม หากไม่มีสิ่งเหล่านี้หรือแพ้กิเลสแล้วก็จะเอาสิ่งเหล่านี้หาผลประโยชน์เข้าตัวเอง (บทวิเคราะห์ผมเอง)

ทุกอย่างบนโลกนี้มีทั้งดีและไม่ดี เราต้องมีสิ่งเหล่านี้ไว้สู้กับศาสตร์ด้านมืด ไม่ใช่เอามาใช้หาผลประโยชน์เข้าตัวเอง

อาจารย์ท่านสอนผมเรื่องทำบุญว่า
"ผู้ที่มาทำบุญนั้น ทุกคนล้วนมีทุกข์ การทำบุญของแต่ละคนเพื่อความสบายใจ เงินที่ทำบุญนั้นเป็นเงินร้อน ใครที่หาผลประโยชน์จากการหลอกลวงประชาชนนั้น ถึงได้เงินไป แต่เงินที่ได้ อยู่ได้ไม่นาน"

และท่านพูดอีกว่า
"พระแตะเงิน ถือว่าบาป"

ผู้ที่หลุดพ้นทุกข์จากโลกนี้ได้ ไม่ใช่เป็นผู้มีพรของพระเจ้าแต่เป็นผู้มีศีล มีธรรมต่างหาก (ผมแต่งเอง)

ของปลอมนั้นเวลามาทำให้เรารู้สึกเฉยๆหรือทำให้เรากลัว แต่ของจริงเมื่อมาจะแนะนำแต่สิ่งดีๆโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ แม้ว่าทำให้คุณวิตกเพราะไม่เคยพบเห็นบ้าง แต่จะมีความรู้สึกหนึ่งที่ต่างจากของปลอมคือ ความรู้สึกอบอุ่น อุ่นใจและปลอดภัยนั้นเอง

ส่วนทำไมวัดนี้ต้องใช้ MLM (แชร์ลูกโซ่) ในการชักชวนคนทำบุญ นอกจากเป็นแรงจูงใจให้คนเข้าวัดและบริจาคแล้วยังมีเรื่องกฏหมายที่เปิดช่องไว้ด้วย ซึ่งผมจะกล่าวในบทต่อไป

------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------

ถ้าคุณชอบบทความนี้ ช่วยอ่านบทความในเวปนี้ด้วยครับ มีลิงค์บทความให้อ่านอีกมากมาย
http://scbbadth.tripod.com หรือ

http://www.geocities.com/scb100yr หรือ
http://board.dmisc.com/talktome เหมือนกันหมดครับ

--------------------------------------------------------------------------------
ตอนนี้ผมว่างงาน ผมทำงานหรือใช้ชีวิตทำงานแบบปกติไม่ได้เพราะธนาคารไทยพาณิชย์ ผมเลยคิดว่าอยากเขียนบทความ เรื่องสั้น นิยาย นิทาน หากผู้ใดอ่านแล้วชื่นชอบแล้วอยากซื้อ เหมือนเราซื้อหนังสือ แต่เปลี่ยนจากหนังสือเป็นเว็บแทน ยินดีรับเงินจากผู้อ่านตามนี้ครับ หรือใครอยากอ่านเฉยๆไม่อยากให้เงิน ผมก็ยินดีเพราะของฟรีมีในโลกครับ ขอให้อ่านก็พอ

ขอยืนยันอีกครั้งว่านี้ไม่ใช่การบริจาคหรือขอเงินแต่เป็นการใช้สมองของผู้เขียนขายบทความทางเว็บเท่านั้น

แก้ไขเลขที่บัญชีใหม่
ธนาคาร ไทยธนาคาร
สาขา ย่อยจักรวรรดิ
เลขที่บัญชี 068-2-04705-4
ชื่อไทย นายนบณัฐพงศ์ สุริยาโรจน์
ชื่ออังกฤษ MR.NOBNUTPONG SURIYAROJ

ผมจะไม่ฆ่าตัวตายและชีวิตผมไม่ชอบแช่งใคร เพราะมีคนเคยสอนว่าไม่ดี แต่วันนี้ผมขอสาปแช่งว่า ผู้ใดที่กระทำให้ นายนบณัฐพงศ์ สุริยาโรจน์ เป็นผู้ที่ลำบากกายหรือลำบากใจอย่างปัจจุบันนี้ ในทางตรงหรือทางอ้อม หรือ เบื้องหน้าหรือเบื้องหลัง โดยมีเจตนาหรือไม่มีเจตนาแต่รู้ตัวก็ตาม โดยไม่รับผิดชอบหรือวางเฉยและไม่บอกกล่าวให้นายนบณัฐพงศ์ สุริยาโรจน์ได้รับทราบตลอดไปผมขอให้ผู้นั้นทั้งตระกูลพินาศและขอให้ธนาคารไทยพาณิชย์พินาศด้วยเช่นกัน


Posted by : เซบาสเตียน , Date : 2007-03-14 , Time : 18:23:26 , From IP : ppp-58.10.15.41.revi

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.006 seconds. <<<<<