ความคิดเห็นทั้งหมด : 11

ทำไมต้องชอบใช้อานมณ์


   การศึกษาสูงไม่ได้ช่วยให้จิตใจคนบางคนดีขึ้นได้เลย ไม่เข้าใจว่าทำไมขี้หงุดหงิดและชอบใช้อารมณ์ กับคนอื่นทั้งๆที่ปัญหาทุกอย่างมีทางออก คุยกันด้วยเหตุผลและแก้ได้ บุคคลประเภทนี้จะชอบพูดจากระโกนตะคอกใส่คนอื่นเป็นประจำ ในเวลาทำงาน เห็นคนอื่นไร้ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งดูๆแล้วมันน่าเตะปากซะเหลือเกิน แต่ต้องใช้super eGO ควบคุมใจตนเองไว้ไม่ให้ตอบโต้ บุคคลพวกนี้มักเป็นผู้หญิง และเป็นพยาบาลเสียด้วย

Posted by : คนใจเย็น , Date : 2007-02-08 , Time : 03:46:37 , From IP : 172.29.3.97

ความคิดเห็นที่ : 1


   หัวข้อพิมพ์ผิดอารมณ์ , และบุคคลประเภทนี้จะชอบพูดจาตะโกนตะคอกใส่คนอื่นเป็นประจำ ขอต่อ นิสัยแย่ ที่สุดเลย ไม่น่าเป็นคนของมอ.เลยเสื่อมสถาบันเขาเปล่าๆ น่าจะไปเป็นแม่ค้าตลาดสดจริงไหม

Posted by : ขอระบาย , Date : 2007-02-08 , Time : 03:52:58 , From IP : 172.29.3.97

ความคิดเห็นที่ : 2


   คุณก็บอกเขาไปสิ โพสต์ตรงนี้ก็ได้แค่ระบาย
แต่การเหมารวมว่าเพศนี้ อาชีพนี้ มันไม่ถูก
แล้วคนของมอ. มันน่าจะเป็นอย่างไรลองเขียนดู แล้วคุณทำได้กี่ข้อ ?
เกิดเป็นมนุษย์ขี้เหม็น มันก็มีดีเลวปนกันไปหมดทุกคนนั้นแหละ


Posted by : เอ้า , Date : 2007-02-08 , Time : 05:59:07 , From IP : 172.29.9.83

ความคิดเห็นที่ : 3


   เคยมีการศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์ มีสอง mode ทีเกี่ยวข้องคือ 1. ใช้อารมณ์ (emotion ความรู้สึก) และ 2. ใช้เหตุผล (logic ความคิด) คนปกติจะใช้อารมณ์/เหตุผล ในแต่ละวันประมาณ 24:1 หรือ 96% เป็นอารมณ์ ดังนั้นปัญหาไม่ได้อยู่ที่ควรจะใช้อะไร น่าจะเป็นใช้ "อย่างไร" มากกว่า

การ generalize หรือการ "เหมารวม" หรือการ "ฟันธง" ก็เป็นวิธีหนึ่งของอารมณ์เช่นกัน คือ ใช้ความรู้สึกนำ ตัดสินเรื่องราวโดยมีหลักฐานไม่พอ มีน้อย หรือแม้แต่ไม่มีเลย ใช้คุณค่าเก่า (อคติ) ช่วยในการตัดสินคุณค่า ตัดสินลักษณะคน บางทีขณะที่เรามองเห็นคนอื่นทำสิ่งเหล่านี้ เราก็อาจจะเผลอทำเองได้ง่ายๆ

ขอแสดงตัวอย่างนิดนึง ไม่ได้ตั้งใจจะตำหนิหรอกนะครับ แค่แสดงตัวอย่าง อย่างที่เขียนมานั้น แสดงให้เห็นว่าผู้เขียนมีความรู้สึกอย่างไรต่อ แม่ค้าตลาดสด ได้ชัดเจนพอสมควร
ประเภทนี้จะชอบพูดจาตะโกนตะคอกใส่คนอื่นเป็นประจำ ขอต่อ นิสัยแย่ ที่สุดเลย ไม่น่าเป็นคนของมอ.เลยเสื่อมสถาบันเขาเปล่าๆ
นั่นคือ "แม่ค้าตลาดสด" คือคนที่พูดจาตะโกนตะคอก นิสัยแย่ และไม่สามารถ/ไม่ควรเป็นคน ม.อ.

เมื่อมองย้อนหลัง พิจารณาอีกที และใช้เหตุผล หรือใช้อารมณ์ที่เป็นบวก เราอาจจะไม่ได้ "คิด" แบบนี้จริงๆกับแม่ค้าตลาดสด เพราะมันไม่เกี่ยวกัน ผมเคยซื้อของจากแม่ค้าตลาดสดหลายคนที่มี "สมบัติผู้ดี" ใช้ได้ทีเดียว และม.อ. อาจจะรับเป็นสมาชิกองค์กรได้ ถ้าลำพังคิดถึงแค่มารยาทเพียงอย่างเดียว คำตัดสินดังกล่าวจึง
เป็น "อารมณ์พาไป" เป็น "ความรู้สึก" ไม่ใช่ "ความคิด"

พอระบายเสร็จก็ขอให้ใจเย็นลงครับ ตอนที่เรายัง heat ของขึ้นอยู่ อารมณ์เราจะเป็นศัตรูที่สำคัญที่สุด เพราะมันอยูภายใน เราจะสุขหรือทุกข์อยู่ความคิด การควบคุม การเท่าทันอารมณ์ของตนเองกว่า 90% และเราเท่านั้นที่จะเป็นผู้ "เลือกได้" ว่าเราอยากจะหงุดหงิด หรืออยากจะมีอารมณ์ที่สันติ เยือกเย็น



Posted by : Phoenix , Date : 2007-02-08 , Time : 09:19:11 , From IP : 172.29.3.231

ความคิดเห็นที่ : 4


   ที่พบอยู่ตอนนี้จะเป็นผู้ชายซะมากกว่า เพราะคิดว่าตัวเองต้องเก่งกว่าผู้หญิง ถ้าผู้หญิงที่เป็นลูกน้องมีความคิดความอ่านดีกว่าก็จะรับไม่ได้ โดยเฉพาะ หอ มอ ออ หมอ มีอยู่ให้เห็น คนที่ เ......................ว ที่สุดในคณะฯ นอกจาก พูดจาตะคอกแล้ว ยังใช้ วาจาหยาบคาย นิสัยกักขฬะ เดิน ก่าง ขับรถ โคตร..............ด่าลูกน้อง ตะ ละ คำแม่ค้าตลาดสดยังอายเลย คงเดาออกนะว่าเป็นใคร มิได้ใช้อารมณ์ในการโพสต์ หรอกนะ แต่จะเป็นกำลังใจให้ ทุกๆคนที่พบกับคนแบบนี้ และอยากให้คุณ phoenix ได้พบกับตัวเองแล้วจะเข้าใจ และรู้ซึ้งถึง 90% ที่อยากจะเลือกเพราะแม้แต่ หนภ. ยังกระเจิงขี้มูกโป่งเลย ที่ว่าไม่ควรเป็นคน มอ นั้น เห็นด้วย แต่ถ้าเขามีอาชีพเป็นหมอ ควรได้รับการยกเว้น????? ตอนนี้ประเทศไทยต้องการคนมีคุณธรรมใช่ไหม ลองฝึกคนนี้ดูซิ หรือไม่ก็เชิญไปเรียนวิธีสะกดคำว่าคุณธรรมดูซิ ถ้าจะลำบาก พยาบาล ก็เป็นคนที่มีหัวใจนะ มีโกรธ มีอารมณ์เสียได้บ้าง เพราะต้องเข้าใจว่า เธอทำงานเหนื่อย ความรับผิดชอบ มากมาย นะคะ น่าสงสาร

Posted by : umbrella , Date : 2007-02-08 , Time : 16:29:49 , From IP : 172.29.3.14

ความคิดเห็นที่ : 5


   คุณ คห2 เท่าทีอ่านคำพูดคุณ ก็จัดได้ว่าคุณเป็นคนประเภทนั้นชอบใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลที่แน่ๆ เราไม่เคยตะคอกใครแม้เขาจะทำผิด ทุกคนมีสิทธิ์กระทำผิดพลาด เพราะ อะไรเคยได้ยินไหมสี่เท้ายังรู้พลาดนักปราชญ์ยังรู้พลั้ง เราจะรู้จักการให้อภัย จะใช้เหตุและผลมาแก้ปัญหา พูดจาให้สุนัขมันรับประทานน่ะ หัดนำไปพัฒนาตัวเองซะ ให้สมกับเป็นผู้มีการศึกษา และวิชาชีพของคุณ ถ้าเราเก็บอารมณ์ไม่ได้นะ ป่านนี้ไอ้พวกพูดจาสุนัขไม่รับประทานอาจจะเจอส้นบาทาเข้าไปล้วงในตับของคนแบบนั้นแล้วหรือไม่ก็ปากอาจจะฉีกถึงหูก็ได้เราอาจจะใด้ใช้แม่ไม้มวยไทย ที่เราเคยเรียนมาก็ได้ คงไม่มานั่งจิ้มดีดระบายอยู่แบบนี้หรอกจะบอกให้

Posted by : แจม , Date : 2007-02-08 , Time : 20:08:17 , From IP : 172.29.3.97

ความคิดเห็นที่ : 6


   พูดไปแล้วคนที่เอาแต่อารมณ์มักจะทำไปโดยไม่รู้ตัวหรือเผลอตัว
ลองดูซิคะ หากว่าเราจ้างให้เขาทำตัวเป็นคนเจ้าอารมณ์ เขาก็คงไม่ทำ เพราะรู้ตัวว่าหากทำไปแล้ว ภาพพจน์ของตัวเขาเองจะเสียหายอย่างมาก ถึงแม้จะอยู่ในเงื่อนไขข้อไหน ทั้งเผลอตัวหรือตั้งใจทำ ก็ทำให้ภาพพจน์ของตัวเขาเองเสียหายทั้งนั้น แต่บางคนก็ยังยอมที่จะทำ เพราะต้องการเอาชนะคนอื่นแต่แพ้ใจตัวเอง การเอาชนะที่เด็ดขาดก็คือการชนะใจตัวเองต่างหากแต่เขาไม่เคยรู้ ก็คงต้องปล่อยให้เขาเรียนรู้ด้วยตัวเองต่อไป ถึงเขาจะรู้ในอีกสิบปีข้างหน้าก็ยังไม่สาย แต่เรากำไรที่ได้เรียนรู้ก่อน โดยเอาตัวเขาเป็นตัวอย่างในการเรียนรู้ของเราค่ะ

อีกอย่างที่เขาเป็นคนเจ้าอารมณ์แบบนี้ก็เป็นหน้าที่ของเขาที่เขาเกิดมาแล้วต้องทำ คือทำให้เราเห็นว่าการเป็นคนเจ้าอารมณ์แบบนี้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างค่ะ

อีกอย่างของอีกอย่างก็คือ หากเปรียบเทียบกันแล้ว การมีคนไม่ดีก็มีประโยชน์ ทำให้เรารู้จักความดีขึ้นมาได้ทางอ้อม (เพราะมีความไม่ดีเป็นตัวเปรียบเทียบ) หากไร้ซึ่งคนไม่ดีแล้วจะมีคนดีได้อย่างไรล่ะคะ เพราะฉะนั้นด้วยเหตุผลนี้เราควรขอบคุณเขาในใจด้วยซ้ำค่ะ

ขอให้เป็นคนใจกว้าง เพราะโลกของคนใจกว้างจะกว้าง เพราะอยู่กับคนใจแคบได้ ส่วนโลกของคนใจแคบนั้นจะแคบ เพราะอยู่กับใครไม่ได้ค่ะ


Posted by : สมศรี 422R , Date : 2007-02-09 , Time : 09:18:47 , From IP : 172.29.3.130

ความคิดเห็นที่ : 7


   ก็อย่างที่คุณ คนใจเย็นพูดมาไงคะ "ปัญหาทุกอย่างมีทางออก คุยกันด้วยเหตุผลและแก้ได้ " ไม่เห็นต้องมาโสต์ตรงนี้ เพราะมันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา
คนที่คุณคิดว่า เขาใช้อารมณ์ คนนั้น เขาก็คงไม่ได้แก้ไขอะไรหรอก

อีกอย่าง ประโยคที่ว่า "บุคคลพวกนี้มักเป็นผู้หญิง และเป็นพยาบาลเสียด้วย "
มันไม่เหมาะนะคะ ไม่ควรมาเหมารวม มันเป็นเรื่องของตัวบุคคล

ยิ่งคุณมาโพสต์อะไรที่มัน negative ต่อคนอื่น คนที่มาเห็น ก็จะมองว่าคุณเอง ก็ไม่ได้ใช้เหตุผล เหมือนกันค่ะ



Posted by : อืม , Date : 2007-02-09 , Time : 17:01:01 , From IP : 172.29.1.156

ความคิดเห็นที่ : 8


   การใช้อารมณ์
ให้มองย้อนไปว่าผู้ใช้อารมณ์เหล่านั้นมีความกดดัน หรือความเครียด หรือโดนกระทำการอันไม่เหมาะสมอยู่หรือไม่
เช่น ภาวะที่อยู่อาศัย มีเพื่อนใกล้ห้องเสียงดัง หรือรดน้ำใส่หัวอยู่ทุกวัน
ที่ทำงานเอาเปรียบ ขโมยผลงาน ขโมยซีนความคิด
เจ้านาย หัวหน้าไม่เห็นความสำคัญ
ข้อตกลงในหน่วยงานไม่น่าพึงพอใจ เป็นต้น
และอย่ามองเฉพาะคนใช้อารมณ์ เท่านั้น ให้มองตัวเองด้วย ว่าการกระทำเป็นการกระตุ้นอารมณ์ผู้อื่น หรือไม่


Posted by : ชาวบ้าน , Date : 2007-02-12 , Time : 11:27:22 , From IP : 172.29.7.196

ความคิดเห็นที่ : 9


   คนที่กล่าวถึงนี่เป็นคนชอบสร้างเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่อยู่แล้ว ถ้าเป็นคนที่มีเหตุผลอันควรเขาก็ไม่กล่าวถึง ชีวิตคนเราทุกคนล้วนมีปัญหาอยู่แล้วแล้วแต่จะมากน้อย ไม่มีไครสมบูรณ์แบบหรอกนะหรือคุณจะเถียง คุณคห8

Posted by : แจม , Date : 2007-02-12 , Time : 16:39:18 , From IP : 172.29.3.97

ความคิดเห็นที่ : 10


    ผมโกรธมั๊กมาก ถ้ามาเกี่ยวพันกับพยาบาลในทางลบ พยาบาลไม่ใช้พระอรหันต์ต้องเข้าใจ สองต้องรู้จักว่างานของพยาบาลเป็นงานที่เป็นวิชาชีพที่ต้องเสียสละมากกว่างานของวิชาชีพอื่น เท่าที่มนุษย์ปัจจุบันจะคิดค้นได้ สามความสามารถเฉพาะตัวสูงมาก ต้องรู้งานทุกวิชา(วิทยาศาสตร์ สังคม ศิลป วัฒนธรรม และธรรมสหศาสนา) สรุปนะครับ กรรมกรดีๆนี่เองครับแต่สังคมยกย่องให้เป็นกรรมกรชั้นสูงเพราะใช้ทั้งความรู้และความสามารถ จึงเทียบเคียงเกียรติกับวิชาชีพอื่นๆ แต่ผลประโยชน์ทางวัตถุน้อยครับ ที่มีพยาบาลทำงานอยู่ทุกวันเพราะใจรักที่จะให้(เสียสละ)นะครับ
ส่งท้าย ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยสู้คน ไม่คิดจะสู้ ปล่อยให้เขาชนะ แต่เรื่องพยาบาลนี้ ผมสู้ยิบตาเลยครับ
วันแห่งความรัก/รักพยาบาล


Posted by : อำนาจ , E-mail : (ramnach@medicine.psu.ac.th) ,
Date : 2007-02-14 , Time : 16:56:17 , From IP : 172.29.3.76


ความคิดเห็นที่ : 11


   ขอบคุณความคิดที่ 10 มากก็ไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องอะไรกับพยาบาลนะที่ออกมาแสดงความเห็นใจพยาบาล
แต่อยากจะบอกว่าคนที่post หัวข้อกระทู้นี้ ใจร้ายจังไม่ว่าจะใช้คำอะไรแต่ความหมายคือต่อว่าพยาบาลอยู่ดีนะอยากให้คุณคิดใหม่นะถ้าวันหนี่งต่อไปข้างหน้า RN ที่ดุๆและใช้อารมณ์อย่างที่คุณบอกไว้กลายเป็น RN ใจดีขึ้นมาทำงานเพื่อเงินอย่างเดียวทำงานตามRoutine อย่างเดียวไม่สนใจอะไรถ้าเกินหน้าที่ของตัวเองแล้วไม่ notifyถ้าไม่จำเป็นจริงๆคุณรู้มั้ยว่าจะเกิดอะไรขึ้นแล้วถ้าวันนั้นคนที่admitเป็นญาติคุณเองล่ะคุณลองคิดดูนะและขอบอกไว้เลยว่าในอนาคตอันใกล้นี้อาจจะเกิดสิ่งนี้ขึ้นเพราะ RN ใหม่ไปทำงานให้เอกชนเยอะมากเค้าไม่เอาความรู้สึกมาแลกกับเงินไม่กี่บาทของรัฐแล้ว RN ที่อยู่ทำงานก็รอครบอายุราชการเพื่อบำนาญตอนเกษียรเท่านั้นคุณไม่ต้องห่วงว่าพยาบาลต่อไปจะใข้อารมณ์กับคุณ เพราะจะเหลือพยาบาลไม่มากหรอกนะเมื่อคุณยิ่งต่อว่าให้พยาบาลที่ทำงานดีๆเก่งๆเสียใจถ้าต่อไป RN ไม่เก่งไม่อดทนที่จะทำงานหนักเมื่อสมัยก่อนแล้วนะแค่เอาตัวรอดไปวันๆเท่านั้นเค้าจึงไม่คิดจะทำงานเอาเป็นเอาตายเพื่อคนไข้อีก คิดเอาเองนะว่าอะไรจะเกิดขึ้น


Posted by : พยาบาลยุคใหม่ , Date : 2007-03-06 , Time : 03:31:46 , From IP : 172.29.1.194

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.007 seconds. <<<<<