ความคิดเห็นทั้งหมด : 5

เมื่อไหร่จึงจะคบเป็นแฟนกัน


   
ขอต่อเนื่องจากกระทู้ข้างล่างนะครับ ที่ถามว่า มีแฟนตอนไหนดีที่สุด

ผมขอถามบ้างนะว่า เมื่อไหร่ที่คุณคิดว่า "จีบคนนี้ดีกว่า", "คนนี้ล่ะใช่เลย" หรือคิดตกลงเป็นแฟนกัน
สิ่งใดบ้างที่เป็นปัจจัยสำคัญให้คุณคิดตัดสินใจลุยไปข้างหน้า คว้าเธอ(เขา)มาเป็นแฟน

ผู้ชายคงคิดมากและมีการกระทำมากกว่าผู้หญิงกระมัง ส่วนผู้หญิงคงได้แต่คิด...และรอผู้ชาย

ส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ

ช่วยๆกันตอบหน่อยนะ คิดซะว่าเป็น Poll แล้วกัน





Posted by : ArLim , Date : 2003-09-14 , Time : 02:32:51 , From IP : maliwan.psu.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 1


   ผมสงสัยว่านั่นเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นจริงๆรึเปล่า แสดงว่ามีสองกระบวนการใหญ่ๆ

คือเดิมผมคิดว่าแฟนนั้นเป็น "สถานภาพ" ไม่ใช่ "เป้าหมาย" ที่คนสองคน (หรือคนเดียวก็เถอะ) จะตั้ง หรือควรจะตั้งไว้ เมื่อคนสองคนคบกันไป สนิทสนมกันมากขึ้น ในที่สุดการสัมพันธ์ก็พัฒนาไปตามครรลองโดยไม่ได้มี target ต้อง hit เมื่อไหร่ จะให้ดอกไม้กันตอนกี่เดือน จะออกไปดูหนังตามลำพังด้วยกันได้รึยัง ฯลฯ คล้ายๆกับ "ตรัสรู้" คือเราไม่ควรตั้งเป้า แต่เมื่อได้มาหรือถึงขั้นนั้นก็รู้เอง

ถ้าอย่างนั้นอีกแบบหนึ่งก็จะเป็นการสร้าง criteria โดยอาศัย norm ของคนอื่น เช่น ซ้อนท้ายกันแปลว่าเริ่มต้น ถ้าเกาะเอวแปลว่า stage หนึ่ง ถ้าเอาหมวกกันน็อกเขามาใส่เป็น stage สอง (เริ่ม share เหาและหมัดกันได้ แสดงว่าสนิทเข้าขั้น) มีการเอาดอกไม้ให้กันตามวาระเป็น stage สาม พอ stage สี่ก็ไม่ต้องสนใครจะว่ายังไงเป็นสภานภาพอิ่มตัว คนอื่นและเราสองยอมรับว่าเป็นแฟนอย่างเต็มภาคภูมิ

ปัญหาก็คือการใช้ criteria นี่ทำให้เกิดพวกข่าวลือและการ "ตั้งเป้า" ผิดๆเกิดขึ้นง่าย และทำให้การกระทำบางอย่างกลายเป็นมีความหมายพิเศษขึ้นมาโดยที่คนที่เกี่ยวข้องไม่ทราบเลย (เพระ criteria เหล่านี้ ไม่ใช่สากล คิดขึ้นเองตามความเข้าใจของวัยรุ่นว่าคนที่แฟนต้องทำอะไรกันบ้าง) เช่นการซ้อนท้ายอาจจะเป็นแค่ไม่มีรถขี่เฉยๆ ยืมหมวกมาใส่แปลว่ากลัวตาย ให้ดอกไม้ก็ตามเทศกาลวาระ เป็นต้น

ที่คุณ ArLim ว่า "เอาล่ะวะ ลุยล่ะ" หรือจะคว้าคนนี้แหละ เจ๋งสุด จ๊าบสุด เป็นแฟนตูข้า สงสัยจะเป็น psyche ของค่านิยมที่สอง ไม่รู้ work ขนาดไหนเหมือนกันครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2003-09-14 , Time : 17:29:10 , From IP : 172.29.3.226

ความคิดเห็นที่ : 2


   อ้า อย่างที่คุณ Phoenix ว่าล่ะครับ ผมเองก็อยากรู้ว่าคนอื่นๆเขาจะคิดยังงัยหรือมีทัศนคติมองเรื่องนี้อย่างไร

สำหรับผม ก็เริ่มจากความสนิทสนมนี่ล่ะครับ เพิ่มความสัมพันธ์ ความใกล้ชิดมากขึ้นเรื่อยๆ แต่สุดท้าย ก็ต้องมีการพูดคุยกันระหว่างสองคนว่า ความรู้สึกที่เรามีให้กันนั้น มันแค่ไหน เพื่ออีกฝ่ายจะได้ตอบสนองได้อย่างเหมาะสม และไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจโดยที่เราไม่รู้ตัว

สำหรับบางคนบางคู่ รู้จักกันเพียงอาทิตย์สองอาทิตย์ ก็ตกลงคบหาดูใจกันเป็นแฟน

บางคนบางคู่ก็คบกันแบบเพื่อนจยเรียนจบ แล้วค่อยโป๊ะเช๊ะ แต่งงานกันเลย อย่างนี้ก็อาจจะมี

ก็อยากทราบความรู้สึกของคนอื่นๆด้วยน่ะครับ ทั้งคนมีและไม่มีแฟน ว่าคุณรู้สึกอย่างไร


Posted by : ArLim , Date : 2003-09-14 , Time : 22:02:21 , From IP : 172.29.2.250

ความคิดเห็นที่ : 3


   เคยดูเรื่อง wedding singer มั๊ยครับน้อง ประมาณนั้นหละ
คนที่จะเป็นแฟนและรักกันจริงๆแล้วความรู้สึกมันจะไปด้วยกันได้เอง
จนไม่มีเวลามานั่งคิดหรือสงสัยว่า เอ? เราเป็นแฟนกันรึยัง ตอนไหนหรือเมื่อไหร่

แต่ถ้าเรากำลังถามตัวเองว่าเอ? คนนี้เราเรียกว่าแฟนหรือเปล่า หรือเค้าเป็นแฟนเรารึยัง แบบนี้ signไม่ค่อยดีนา ของแบบนี้มันก็บังคับความรู้สึกกันไม่ได้

นึกถึงตอนพี่นมแตกพานใหม่ๆก็เคยสงสัยแบบน้องนั้นละ
อย่าอายที่จะถาม คำถามน่ารักดีกุ๊กกิ๊กเหมาะกับวัย
เป็นหนุ่มสาวก็ดีงี้แหละ มีรัก มีสมหวัง มีผิดหวัง สนุกจะตาย


Posted by : moviemania , Date : 2003-09-15 , Time : 00:14:20 , From IP : 172.29.3.233

ความคิดเห็นที่ : 4


   แล้วคุณ moviemania เคยผิดหวังมาบ้างมั้ยครับ ผมเดาว่าน่าจะเคยนะ สนุกน่าดู

Posted by : posted by , Date : 2003-09-16 , Time : 15:38:52 , From IP : 172.29.2.86

ความคิดเห็นที่ : 5


   แล้วดูกันรึยังละ อายจังไม่อยากบอกแบบว่าinเลย
หนังธรรมดาต้นทุนต่ำแต่บทดี


Posted by : moviemania , Date : 2003-09-18 , Time : 21:53:41 , From IP : 172.29.3.227

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.004 seconds. <<<<<