ความคิดเห็นทั้งหมด : 14

Debate XLIII: นักเรียนแพทย์ปัจจุบันควรมีคุณลักษณะและคุณสมบัติอย่างไร


   ไหนๆก็ไหนๆ เอาให้ครบทุก domain ในละแวกนี้ กติกาปกติครับ Be Mature, Be Positive, and Be Civilized



Posted by : Phoenix , Date : 2003-09-08 , Time : 20:57:59 , From IP : 172.29.3.221

ความคิดเห็นที่ : 1


   คือว่า ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ ผมจะเล่าเป็นกลอนให้ฟัง
เด็กเอ๋ยเด็กดี เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่ 10 อย่างด้วยกัน
1.นับถือศาสนา
2.รักษาธรรมเนียมมั่น
3.เชื่อฟังครูอาจารย์
4.วาจานั้นต้องสุภาพอ่อนหวาน
5.รู้จักออมประหยัด
6.ต้องซื่อสัตย์ตลอดกาล
7.....จำไม่ได้
8. ก็ยังจำไม่ได้
9.ใกยังจำไม่ได้
10..จำยังไม่ได้ ใครจำได้ ช่วยบอกที เผือจะได้กลายเป็นเด็กดี กะเขาบ้างเสียที


Posted by : ด.เด็ก , Date : 2003-09-08 , Time : 23:26:04 , From IP : 172.29.1.160

ความคิดเห็นที่ : 2


   ........คือว่า...ที่ผมจำได้นี่เป็น..เด็กเอยเด็กอัป....ต้องมีหน้าที่ 10 อย่างด้วยกัน....
1. ไม่นับถือศาสนา
2.................ผมคงไม่เขียนทั้งหมดหรอกครับ.....เนื่องจากจำได้ไม่หมดเหมือนกัน.....และคงไม่น่าเผยแพร่เท่าไร.....เพื่อนผมเคยสอนตอนเรียนประถมครับ...จำได้เคยเอาไปร้องแล้วโดนครูด่าซะเละเลยครับ....:D..:D

..........ส่วนนักเรียนแพทย์ที่ดีนั่น....ผมว่าแค่สนใจศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมและตั้งใจเรียนแค่นี้ก็ได้ประโยชน์กับตัวเองและผู้ป่วยเยอะแล้วครับ.......:D...:D



Posted by : Death , Date : 2003-09-08 , Time : 23:38:52 , From IP : r39-skaHS1.S.loxinfo

ความคิดเห็นที่ : 3


   ไม่เห็นยากเลยนักเรียนแพทย์หรอครับต้องมีความขยันขณะเรียนหมั่นศึกษาหาความรู้ข้อแรก สองต้องเป็นหมอรักษามนุษย์ไม่ใช่รักษาสิ่งของ คือมีคุรธรรม ไม่เบียดเบียน รู้จักเสียสละ
คือมันมีเรื่องที่เคยฟังมาว่า ....ในการประชุมแพทย์ที่ร.พ.แห่งหนึ่ง..มีแพทย์คนหนึ่งพูดข้นมาถึงว่า ในผู้ป่วยบางรายที่เราต้องใช้เวลารักษานานกว่าบางรายต้องตรวจละเอียดกว่าแล้วทำไมไม่ได้ค่ารักษามากกว่าหละทั้งๆที่ใช้เวลามากกว่า..แล้วก็มีนายแพทย์ท่านนึงตอบว่าแล้วที่คุณรักษาใช้เวลาน้อยกว่าทำไมคุณไม่บอกว่าควรจะได้เงินน้อยกว่าบ้าง....เกิดเป็นหมอแล้วอะรู้จักเสียสะบ้างก็ดีนะ
ทำไมหมอต้องได้ทุกอย่างทั้งลาภยศ เงินทอง เมื่อเรียนจบทั้งๆที่หมอก็ไม่ได้เสียอะไรมากมาย ตอนเรียนก็ใช้ทุนรัฐบาลอยู่แล้ว


Posted by : ... , Date : 2003-09-09 , Time : 08:56:52 , From IP : proxy6.psu.ac.th

ความคิดเห็นที่ : 4


   เป็นคนดี มีคุณธรรม ใฝ่การเรียนรู้ ศึกษาต่อเนื่อง

Posted by : ก , Date : 2003-09-09 , Time : 12:52:14 , From IP : 172.29.2.241

ความคิดเห็นที่ : 5


   จริงๆแล้วมีสองประเด็นที่จะถามจากรื่องใกล้เคียงกัน

หนึ่งคือจะเป็นเคยคิดไว้ก่อนไหมว่าหลังจากเป็นนักเรียนแพทย์นี่น่ะต่อมาจะต้องเป็นแพทย์ (เอ๊ะ พูดยังไง!!!) แล้วพิจารณาเห็นว่าตัวเรานี้นี่แหละรักชอบวิชานี้ อาชีพนี้ที่สุดเลย ก็เลยมาสอบ มาสมัครเรียน

สอง นักเรียนแพทย์ (หรือ potential candidate) เคยทำ survey สำรวจมหาวิทยาลัยแพทย์ต่างๆก่อนรึเปล่าว่าเหมือนหรือต่างอย่างไร แล้วจึงสมัคร ถ้าทำมีความคิดเห็นอย่างไรสำหรับที่ต่างๆ (อันนี้อยากรู้จริงๆว่าแต่ละสถาบันมี impression หริอ image อย่างไรต่อนักเรียนก่อนสมัคร)





Posted by : Phoenix , Date : 2003-09-09 , Time : 18:10:05 , From IP : 172.29.3.211

ความคิดเห็นที่ : 6


   นอกจากวิชาความรู้ที่เรียนแล้วที่ต้องศึกษาอยู่เสมอแล้ว ควรมีใจรัก มีคุณธรรม จิตวิทยา เห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ดี
ปล. จริงๆอันนี้ก็ไม่เฉพาะนักศึกษาแพทย์หรอก ทุกคนก็ควรจะมีอยู่แล้วนะคะ
ขอบคุณค่ะ


Posted by : EXTREAM , Date : 2003-09-10 , Time : 02:08:59 , From IP : 172.29.1.191

ความคิดเห็นที่ : 7


   ขอบคุณครับคุณ Extream

เมื่อกลางวันนี้เองเราพึ่งมีการพูดถึงกลยุทธ์ในการที่จะทำยัไงให้บรรยากาศการทำงานเป็นทีมเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ทีมต่างสาขาวิชาชีพ" สุดท้ายก็มาลงเอยตรงที่คุณ Extream ว่าไว้พอดีคือ คุณธรรม จิตวิทยา การอยู่ร่วมกับผู้อื่น

สมดุลของวัตถุประสงค์ที่จะใช้ในโรงพยาบาลโรงเรียนแพทย์จะต้องมีความยืดหยุ่นและคล่องตัว (flexibility and agility) สูงกว่ารพ.ข้างนอก พูดง่ายๆถ้าเราจะรักษาผู้ป่วย "ให้ดีที่สุด" โดย commonsense ก็ต้องทำโดยแพทย์ที่เก่งที่สุด ดูแลโดยพยาบาลที่เก่งที่สุด concept นี้อาจจะทำได้ถ้าเราเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีเป้าหมายคือ giving the best service and best treatment แก่ลูกค้า หรือ ผู้ป่วย แต่โรงพยาบาลที่มีหน้าที่ในการ training นั้นโดยงานแปลว่าจะมี trainee ฝึกงานอยู่เกือบตลอดเวลาและเป็นส่วนหนึ่งของงาน ระบบ consultant ก็หมายความว่าแพทย์ฝึกหัดชั้นปีต้นๆจะเป็นผู้ทำ Initial evaluation ผู้ป่วยก่อน และรายงานตามลำดับขั้นไปเป็นไปตามกระบวนการ training

"โจทย์ น่าจะเป็น ทำอย่างไรที่เราจะทำอย่างหลังให้ดี โดยคงอย่างแรกไว้ให้มากที่สุด"

หมอต้องทำงานกับคนต่างสาขาวิชาชีพอีกมากมาย ที่ใกล้ที่สุดก็คงจะเป็นพยาบาลผู้ดูแลผู้ป่วยใน (โดยเฉพาะหมอในโรงพยาบาล ไม่ใช่หมอคลินิก) หมอที่มีพยาบาลที่มีประสิทธิภาพทำงานด้วยได้อย่างราบรื่นกลมกลืนจะมีความสุขอย่างยิ่ง และตรงกันข้ามถ้าทำไม่ได้ เรื่องจะไม่แค่ neutral แต่สามารถไปในทางลบได้อย่างมากมาย ทั้งพยาบาลทั้งหมอต่างก็ต้องการจะ train คนรุ่นใหม่ และ platform ที่จะใช้ก็ไม่หนีหอผู้ป่วย เราสามารถจะใช้ common platform นี้ให้มีประสิทธิภาพที่สุดในการ train นศพ. นักศึกษาพยาบาล แพทย์ใช้ทุน โดยรักษาคุณภาพการรักษาที่ดีที่สุดไว้ได้หรือไม่ อย่างไร

บางทีเราควรจะมีการแนะให้แพทย์ฝึกหัดของเราว่าเวลาที่ใช้บน ward นั้นสามารถทำได้หลายอย่าง คุยกับผู้ป่วย กับญาติ ก็นับเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจ palliative care ก็เป็นหัวข้อเรื่องที่ tertiary health centre อย่างเราดูจะมี subjects จำนวนมากให้เรียนจริงๆ เรื่องพวกนี้เป็นงานประจำของพยาบาลบนหอผู้ป่วยที่จำทำอยู่แล้ว (หวังว่า) แต่ นศพ. หรือแพทย์ก็สามารถจะมีส่วนร่วมได้น่าจะมีประโยชน์ต่อมุมมองของอาชีพเราได้ดีขึ้น



Posted by : Phoenix , Date : 2003-09-10 , Time : 21:34:02 , From IP : 172.29.3.239

ความคิดเห็นที่ : 8


   ขยัน อดทน มีวินัย พยายาม
กล้าหาญ เข้มแข็ง ยอมรับ เสียสละ
รู้น้อย รู้มาก มีสติ ทุกขณะ
นำใจ นำคณะ นำงาน ผ่านพ้น



Posted by : ArLim , Date : 2003-09-12 , Time : 03:07:12 , From IP : netturbo5.cscoms.com

ความคิดเห็นที่ : 9


   เรียนคุณ ด เด็ก ขอต่อกลอน ดังนี้
เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่ 10 อย่างด้วยกัน
1.นับถือศาสนา
2.รักษาธรรมเนียมมั่น
3.เชื่อพ่อแม่ ครูอาจารย์
4.วาจานั้นต้องสุภาพอ่อนหวาน
5.รู้จักออมประหยัด
6.ต้องซื่อสัตย์ตลอดกาล
7.น้ำใจนักกีฬา กล้าหาญ ให้เหมาะกับกาลสมัยชาติพัฒนา
8.ทำตนให้เป็นประโยชน์
9.รู้จักบุญคุณ โทษ
10.สมบัติชาติ ต้องรักษา
เด็กสมัยชาติพัฒนา ต้องเป็นเด็กที่พาชาติไทยเจริญ ไชโย...ไชโย



Posted by : Mars , Date : 2003-09-12 , Time : 16:12:54 , From IP : 172.29.3.189

ความคิดเห็นที่ : 10


   เกณฑ์มาตรฐานผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2545

เอาข้อเดียวก็พอนะครับ
1. พฤตินิสัย เจตคติ คุณธรรม และจริยธรรมแห่งวิชาชีพ (Proefssional habits, Attitudes, Moral, and Ethics)
1.1 พฤตินิสัยในการทำงาน (work habits) และความรับผิดชอบต่อวิชาชีพ
- ตรงต่อเวลา และรับผิดชอบต่อการนัดหมาย
- รับผิดชอบต่อผู้ป่วยและงานที่ได้รับมอบหมาย
- สามารถทำงานเป็นทีม
- พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความขัดแย้งในการทำงานและหาข้อยุติโดยสันติวิธี
- สามารภวางแผน จัดระบบงาน และติดตามประเมินผล
- รู้ขีดจำกัดความสามารถของตนเอง
- ยอมรับข้อผิดพลาดของตนเองและพยายามแก้ไข
- ยอมรับข้อผิดพลาดของผู้อื่นและให้ความช่วยเหลือและแนะนำตามความเหมาะสม
1.2 รับผิดชอบในการให้ความจริงแก่ผู้ป่วย รักษาความลับ และเคารพในสิทธิผู้ป่วย
1.3 ปกป้องและพิทักษ์สิทธิประโยชน์ของผู้ป่วย
1.4 แสดงเจตคติที่ดีต่อการให้บริการสุขภาพแบบองค์รวมแก่ประชาชนทุกระดับ
1.5 ปฏิบัติตามข้อบังคับแพทยสภาว่าดวยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม
1.6 มีคุณธรรม และจริยธรรมที่เหมาะสมต่อการประกอบวิชาชีพแพทย์
1.7 ซื่อสัตย์ในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม



Posted by : Phoenix , Date : 2003-09-14 , Time : 20:10:47 , From IP : 172.29.3.226

ความคิดเห็นที่ : 11


   ขยันมาก ถึงมากที่สุด


Posted by : .. , Date : 2003-09-14 , Time : 22:22:17 , From IP : 172.29.2.160

ความคิดเห็นที่ : 12


   สำหรับน้องๆที่อ่านข้างบนแล้วกลุ้มใจว่าคุณสมบัติไม่ครบ
ผมเป็นคนธรรมดานี่ละครับ
ไม่เคยอ่านเกณฑ์มาตรฐานผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
หรือรู้คุณธรรม จริยาธรรมแพทย์
ก็จบหมอ และ เป็นหมอได้ครับ

แค่นี้ละครับ ไปละครับ ผมคนธรรมดาครับ


Posted by : ทั่วๆไปนะครับ , Date : 2003-09-15 , Time : 01:01:06 , From IP : 203.145.27.162

ความคิดเห็นที่ : 13


   เป็นนักเรียนแพทย์รุ่นปัจจุบันนี่ต้องอ่านเยอะจริงๆครับ นอกจากที่ มอ.ออ.แล้ว ที่อื่นๆก็กำลังจะผันเปลี่ยนเป็น PBL SYSTEM กันหมดในไม่ช้านี้ ฉะนั้นอย่างน้อยที่สุดวัตถุประสงค์การเรียนของทุกวิชาก็จะเป็นหน้าที่ของ นศพ.แน่นอนที่จะไปอ่านก่อนว่าอะไรต้องรู้ ควรรู้ และน่ารู้ มิฉะนั้นก็จะไม่มีทางวางกรอบของเนื้อหาได้อย่างแน่นอน มีแต่จะอ่านไปอย่างไร้ทิศทางและกลุ้มใจมากขึ้นเรื่อยๆ

แน่นอนการหัดวางวัตถุประสงค์ก่อนที่เราจะทำอะไรนั้น มิได้เพื่อทำให้เกิดความกลุ้มใจไม่ กลับเป็นตรงกันข้าม ก่ารทำอะไรโดยไม่มีทิศทางหรือแนวทาง หรือกรอบต่างหากที่จะเป็นบ่อเกิดแห่งความกลุ้ม หรือหลงผิด เกณฑ์มาตรฐานผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมถึงแม้อาจจะไม่ใช่ attractive reading ก่อนนอน แต่ความยาวแค่ 43 หน้านั้น สำหรับเวลาหกปีในคณะแพทย์ ไม่น่าเป็นเรื่องใหญ่

ต้องขออภัยคุณ "ทั่วๆไปนะครับ" ซักนิดนึง ตรงที่ว่าไม่ต้องรู้คุณธรรม จริยธรรมแพทย์ก็จบหมอและเป็นหมอได้นั้น ผมเข้าใจว่าโชคดีที่คุณเป็นดีมีจริยธรรมอยู่แล้วมากกว่า แต่ของพรรณนี้นอกจากเป็นคุณลักษณะของเราเองแล้ว ผมว่ามีประโยชน์ที่จะทราบว่าเราสามารถ "แสวงหา" ได้ด้วยเหมือนกัน ถ้าหากจะมีโพยว่าถ้าเราต้องการจากฝากผีฝากไข้พ่อเรา แม่เรา ลูกเรา กับหมอยังไง ผมว่าคุณธรรม จริยธรรม น่าจะติดอยู่ใน list ด้วยรึเปล่า? ถ้าอยู่ เราอยากจะให้หมอรุ่นน้องๆเราเอาใจใส่เรื่องนี้กันด้วยหรือไม่? หรือ ไม่ต้อง เพราะ ใครๆก็ "จบได้" "เป็นหมอได้" ผมอาจจะคิดมากและหากแปลความผิดไปต้องขออภัยด้วย แต่ผมว่าผมยินดีตัด medicine contents ออกมากกว่านี้อีก และเติมวิชาจริยธรรม คุณธรรม จรรยาบรรณแพทย์ลงไปแทนในหลักสูตร

ผมก็แพทย์ธรรมดาคนหนึ่งครับ ที่มีพ่อแม่ลูกที่อยากจะฝากผีฝากไข้ให้กับหมอรุ่นน้องๆในอนาคตเท่านั้นเอง



Posted by : Phoenix , Date : 2003-09-15 , Time : 01:20:41 , From IP : 172.29.3.243

ความคิดเห็นที่ : 14


   เราไม่ใช่คนโชคดีอะไรหรอก ไม่ต้องชมมากมายอะไรแบบนั้น
ก็บอกแล้วว่าคนธรรมดา ที่เรียนจบแพทย์ และมีความสุข


แต่เราว่านายไม่ธรรมดา สติปัญญาดี วิชาการ พูดเพราะ



Posted by : ทั่วๆไปนะ , Date : 2003-09-20 , Time : 15:53:35 , From IP : ppp-203.144.143.250.

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.008 seconds. <<<<<