ความคิดเห็นทั้งหมด : 34

Debate XLII: อาจารย์แพทย์ควรจะมีคุณลักษณะ หรือ คุณสมบัติอย่างไร?


   คำถามง่ายๆตรงไปตรงมา อะไรคือ Model อาจารย์แพทย์ในสายตาของพวกเรา อยากได้คำตอบแบบ descriptive หรือยก อาจารย์แพทย์ในอุดมคติก็ได้ (คือ hybrid ผสมกันหลายๆคน) เนื่องจากเรามาจากหลายสถาบัน ไม่ต้องยกชื่อเสียงเรียงนามให้เมื่อย ใช้พรรณนาโวหารบวกสาธกโวหารก็พอ



Posted by : Phoenix , Date : 2003-09-08 , Time : 20:53:12 , From IP : 172.29.3.221

ความคิดเห็นที่ : 1


   ..........Great physician in the good teacher............



Posted by : Death , Date : 2003-09-08 , Time : 23:41:15 , From IP : r39-skaHS1.S.loxinfo

ความคิดเห็นที่ : 2


   พอเถอะ กระทู้แบบนี้

Posted by : tt , Date : 2003-09-09 , Time : 15:12:17 , From IP : 172.29.1.174

ความคิดเห็นที่ : 3


   ไม่ค่อยเข้าใจคุณ tt ครับว่ากระทู้แบบนี้หมายถึงแบบไหน ช่วยกรุณาลองขยายความหน่อยได้ไหมครับ ขอบคุณครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2003-09-09 , Time : 17:55:17 , From IP : 172.29.3.211

ความคิดเห็นที่ : 4


   ไม่มีเรื่องที่จะสรรหามาอภิปรายแล้วหรือ หรือว่างมากหรือไง กระทู้แบบนี้น่าจะตกไปได้แล้ว น้ำเน่าจริงๆ

Posted by : Neuron , Date : 2003-09-09 , Time : 23:44:20 , From IP : 203.113.76.8

ความคิดเห็นที่ : 5


   ดูท่าจะไปกันไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ เจตคติแถวนี้ยังไงชอบกลอยู่

อาชีพ "อาจารย์แพทย์" เมื่อพูดถึงคุณสมบัติหมายถึง professional competency ก็คือ คุณสมบัติของสองอาชีพรวมกัน ได้แก่ "อาจารย์มหาวิทยาลัย" และ "แพทย์" คำถามก็คือทั้งสองอาชีพมีส่วนที่จะ integrate กันอย่างไรจึงจะเป็นการเสริมสร้างความมีประสิทธิภาพได้ดีที่สุด

อาจารย์มหาวิทยาลัยนั้น หมายถึง "ครูของนักศึกษาระดับอุดมศึกษา" นั่นเอง subject คงจะต่างจากครูของนักเรียนระดับอื่นตรงที่ "นักศึกษามหาวิทยาลัย" นั้นมีสามคุณสมบัติคือ ๑) มีความรู้ ๒) ผ่านการอบรมในการแสดงออกด้านกาย วาจา ใจ และ ๓) มีความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่นในสังคม พิจารณาแล้วจะพบว่าข้อสุดท้ายนี้เองที่อาจจะทำให้พฤติกรรมของ "ครู" สำหรับชั้นนี้แตกต่างจากครูสอนเด็กประถมมัธยม นั่นคือ เด็กมหาวิทยาลัยมีความสามารถหรือกำลังพัฒนาด้านความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม หรืออีกนัยหนึ่งกำลังจะเป็น "ประชาชน" ที่มีส่วน contribute ต่อสังคมในอนาคตอันใกล้

การสอนที่มีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับกลุ่มนักเรียนดังกล่าวคงจะไม่ใช่เพียงแต่ป้อนให้จำอย่างเดียว แต่เป็นสอนให้ "คิด" และสามารถ "ใช้สมอง" เป็น สามารถจัดการกับ "ข้อมูล" ต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีเจตคติต่อข่าวสารข้อมูล ในบริบทต่างๆอย่าง mature, positive และ civilized (จากที่ตอบกระทู้มาสองท่าน ผมกำลังไม่แน่ใจว่าผมกำลังอยู่ในถูกกระดานหรือเปล่าเหมือนกัน)

แพทย์ ก็จะมีคุณสมบัติและ professional competency ที่จำเพาะ เมื่อประสานสองประการด้วยกัน ครูแพทย์ หรือ อาจารย์แพทย์ ก้คงจะต้องเป็นแพทย์ที่เข้าใจด้าน contents และ จรรยาบรรณอาชีพ และทราบถึงหลักการการสอนเด้กที่เป็นผู้ใหญ่นั่นเอง

ครูแพทย์คงจะไม่พยายาม patronize นักศึกษา หรือสอนแบบ teacher-centred เกินไป เพราะนักศึกษาเองต้องการ "การฝึก" ในการคิดเอง หาข้อสรุปเองอีกมาก ก่อนที่จะหลุดวงจรไปเป้นผู้ใหญ่เต็มตังเมื่อจบการศึกษาไปแล้ว ในขณะเดียวกันการถ่ายทอด "จริยธรรม และจรรยาบรรณ" แพทย์ ก็เป็นวิชาที่สำคัญที่ต้องแทรกซึมเข้าไปเป้น "ยาดำ" อยู่ในทุกวิชา ทุกบท ทุกขั้นตอน

ผมคิดว่าเรื่องนี้สำคัญและควรจะ address ให้มีความเข้าใจตรงกัน หากใครคิดว่ามันน้ำเน่า หรือ ทนไม่ได้อย่างไร เรามาอภิปรายกันได้ครับว่าทำไม ที่นี่เป็นลานแสดงความคิดเห็นสำหรับผู้ใหญ่ สำหรับคนที่อยากใช้ความคิด และสำหรับแสดงเจตคติในเรื่องราวต่างๆอยู่แล้ว



Posted by : Phoenix , Date : 2003-09-10 , Time : 00:06:41 , From IP : 172.29.3.224

ความคิดเห็นที่ : 6


   Borring

Posted by : เบื่อ , Date : 2003-09-10 , Time : 10:50:40 , From IP : 172.29.3.137

ความคิดเห็นที่ : 7


   Boring นี่.....รู้สึกว่าจะมี "R" แค่ตัวเดียวนะครับ...ไม่รู้ผมเข้าใจผิดหรือเปล่าหว่า???....:D...:D



Posted by : Death , Date : 2003-09-10 , Time : 11:21:08 , From IP : 172.29.2.159

ความคิดเห็นที่ : 8


   หมายถึงอาจารย์แพทย์ที่ดีควรจะ boring (หรือ borring) หรือว่าชีวิตคุณในขณะนี้ครับ?



Posted by : Phoenix , Date : 2003-09-10 , Time : 16:30:13 , From IP : 172.29.3.182

ความคิดเห็นที่ : 9


   Phoenix is somehow boring.


Posted by : Nite , Date : 2003-09-11 , Time : 01:14:23 , From IP : 203.113.76.13

ความคิดเห็นที่ : 10


   Sometimes I feel that too. That"s why I think I should do a discussion of something intellectually. I reckon that makes my life more interesting.





Posted by : Phoenix , Date : 2003-09-11 , Time : 12:23:08 , From IP : 172.29.3.182

ความคิดเห็นที่ : 11


   อย่ายอมแพ้กับพวกที่ไม่สร้างสรรค์ครับ อาจารย์
ขอให้อาจารย์ นกไฟ สู้ต่อไปครับ


Posted by : Owen , Date : 2003-09-11 , Time : 20:10:31 , From IP : 172.29.1.129

ความคิดเห็นที่ : 12


   เปลี่ยนแนวบ้างเถอะ Phoenix

Posted by : เคยมา , Date : 2003-09-11 , Time : 22:35:30 , From IP : 172.29.3.138

ความคิดเห็นที่ : 13


   ขอเรียนถามคำแนะนำครับ ว่าการอภิปรายแนวไหนที่คุณ "เคยมา" เคยทำแล้วรู้สึก approved บ้าง เผื่ออาจจะมีใครตั้งกระทู้แบบนั้นให้บ้าง
ผมว่ากระทู้ที่ผมตั้งก็มีความหลากหลายอยู่พอสมควร เพียงแต่ในกระทู้หนึ่งจะมี theme เดียว เพื่อสะดวกในการรักษาประเด็น มีกระทู้ว่าจะมีแฟนตอนอายุเท่าไหร่ มีกระทู้เรื่องการออกกำลังกาย มีกระทู้เรื่อง Gay มีกระทู้เรื่องจริยธรรม มีกระทู้เรื่องการรับน้อง ฯลฯ ฉะนั้นแนวมันคงจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆแหละครับ ถ้ากระทู้แบบไหนที่คุณ "เคยมา" รู้สึกดีก็จะเป็นสิทธิ์โดยชอบทำที่จะนำเสนอก็ได้ พวกเราจะได้ทราบว่าอะไรคือรสนิยมของคุณ อะไรคือพื้นฐานทางความคิดของคุณ

แล้วตกลงคุณมี preference ไหมครับสำหรับคุณสมบัติของอาจารย์แพทย์?



Posted by : Phoenix , Date : 2003-09-12 , Time : 10:43:16 , From IP : 172.29.3.182

ความคิดเห็นที่ : 14


   ดูแลและให้เกียรติคนไข้...หาและ " ผลิต " ความรู้ใหม่ตลอดเวลา......

ให้การศึกษา ....สนับสนุน ส่งเสริม ให้แพทย์รุ่นใหม่เติบโต ไปตามทางที่เขาควรจะเป็น

เป็นมิตร กับทุกคน ไม่ว่าเขาจะอยู่ใต้ หรือเหนือ บังคับบัญชาของอาจารย์...

และสุดท้าย ซึ่งอาจสําคัญมากที่สุด เพราะจะนํามาซึ่งข้อต้น ๆ คือ... เป็นคนมีความสุข ให้เวลากับตัวเองและครอบครัว เปิดตัวเปิดใจกับ nonmedical world บ้าง

ideal นะ แต่ ทําได้ และมีคนทํามาแล้ว ...


Posted by : lotus , Date : 2003-09-14 , Time : 13:41:06 , From IP : 203.107.236.3

ความคิดเห็นที่ : 15


   ขอบคุณครับคุณ Lotus

ลองดูๆแล้วไม่น่าจะถึงกับเป็นคุณสมบัติในอุดมคติเลยนะครับ เกือบจะไม่ต่างจากแพทย์ธรรมดาๆยกเว้นเรื่องการ "ผลิต" ความรู้ใหม่ ตรงนี้อาจจะมีการ define กันนิดหน่อยว่า "ผลิต" นั้นต้องเป็น innovation อย่างเดียวหรือเป็น "คลัง" รวบรวม วิเคราะห์ สังเคราะห์ความรู้ที่กระจัดการจายเป็นหมวดหมู่เหล่าให้ดีเพื่อถ่ายทอดก็ได้

non-medical world condition นั้น อาจจะเป็นเงื่อนไขในอดีต ส่วนปัจจุบันผมเกรงว่าแพทย์รุ่นใหม่มีแนวโน้มที่สนใจ non-medical world เยอะมากเลยทีเดียว



Posted by : Phoenix , Date : 2003-09-14 , Time : 20:18:07 , From IP : 172.29.3.226

ความคิดเห็นที่ : 16


   1.อยากให้อาจารย์ใจดี
2.ไม่ด่าด้วยคำหยาบคาย
3.ไม่ประชดประชัน
4.ไม่มองว่านักศึกษาโง่นักแรง
5.สอนเลยโดยไม่ต้องบอกว่าไปอ่านมาก่อน


Posted by : .... , Date : 2003-09-14 , Time : 22:26:45 , From IP : 172.29.2.160

ความคิดเห็นที่ : 17


   สี่ข้อแรกนั้นน่าจะเป็นมาตรฐานของอาจารย์ของทุกๆคนเลยนะครับ แต่ข้อสามข้อสี่บางทีเป็น perception อาจจะไม่ใช่เจตนาก็ได้ (หรือถึงใช่ เราสามารถ adjust receptor ของเราให้เป็นไม่ใช่ได้ง่ายๆ)

ข้อห้านี่ controversy เพราะว่าเดี๋ยวนี้เราต้องการให้ นศพ. มีความสามารถในการค้นคว้าและศึกษาด้วยตนเอง ดังในเกณฑ์มาตรฐานแพทยสภา ฉบับปัจจุบัน 2545 ข้อที่หก ดังใจความว่า
"6. การพัฒนาความรู้ความสามารถทางวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง (Continuous professional development)
6.1 มีนิสัยใฝ่รู้ และสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง
6.2 แสวงหาความรู้และทักษะทางวิชาชีพเพิ่มเติมอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ทันความก้าวหน้าทางวิชาการ
6.3 มีความสามารถในการค้นคง้าหาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆโดยสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (information technology) ในการหาข้อมูลใหม่ๆ
6.4 ติดตามและเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทำให้สามารถก้าวทันการเปลี่ยนแปลงทางวิทยาการของโลก
6.5 ตระหนักถึงความสำคัญของชีวเวชศาสตร์ (biomedical sciences) ระบาดวิทยาคลินิก evidence-based medicine แกรวิจัยเกี่ยวกับสุขภาพ ที่จะนำมาประยุกต์ใช้ในเวชปฏิบัติ
6.6 มีเจตคติในการพัฒนาคุณภาพงานอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง"


เพราะฉะนั้นสอนเลยโดยไม่บอกให้ไปอ่านมาก่อนนั้น คงจะเป็นเรื่องของประวัติศาสตร์การเรียนการสอนของแพทย์ไปแล้ว หรือในไม่ช้านี้แหละครับ เรามาทำความคุ้นเคยกับระบบใหม่กันดีกว่า



Posted by : Phoenix , Date : 2003-09-14 , Time : 22:41:29 , From IP : 172.29.3.243

ความคิดเห็นที่ : 18


   สี่ข้อแรกนั้นน่าจะเป็นมาตรฐานของอาจารย์ของทุกๆคนเลยนะครับ แต่ข้อสามข้อสี่บางทีเป็น perception อาจจะไม่ใช่เจตนาก็ได้ (หรือถึงใช่ เราสามารถ adjust receptor ของเราให้เป็นไม่ใช่ได้ง่ายๆ)

ข้อห้านี่ controversy เพราะว่าเดี๋ยวนี้เราต้องการให้ นศพ. มีความสามารถในการค้นคว้าและศึกษาด้วยตนเอง ดังในเกณฑ์มาตรฐานแพทยสภา ฉบับปัจจุบัน 2545 ข้อที่หก ดังใจความว่า
"6. การพัฒนาความรู้ความสามารถทางวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง (Continuous professional development)
6.1 มีนิสัยใฝ่รู้ และสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง
6.2 แสวงหาความรู้และทักษะทางวิชาชีพเพิ่มเติมอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ทันความก้าวหน้าทางวิชาการ
6.3 มีความสามารถในการค้นคง้าหาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆโดยสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (information technology) ในการหาข้อมูลใหม่ๆ
6.4 ติดตามและเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทำให้สามารถก้าวทันการเปลี่ยนแปลงทางวิทยาการของโลก
6.5 ตระหนักถึงความสำคัญของชีวเวชศาสตร์ (biomedical sciences) ระบาดวิทยาคลินิก evidence-based medicine แกรวิจัยเกี่ยวกับสุขภาพ ที่จะนำมาประยุกต์ใช้ในเวชปฏิบัติ
6.6 มีเจตคติในการพัฒนาคุณภาพงานอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง"


เพราะฉะนั้นสอนเลยโดยไม่บอกให้ไปอ่านมาก่อนนั้น คงจะเป็นเรื่องของประวัติศาสตร์การเรียนการสอนของแพทย์ไปแล้ว หรือในไม่ช้านี้แหละครับ เรามาทำความคุ้นเคยกับระบบใหม่กันดีกว่า



Posted by : Phoenix , Date : 2003-09-14 , Time : 22:41:45 , From IP : 172.29.3.243

ความคิดเห็นที่ : 19


   ถ้าเขาสนใจ nonmedical world เยอะ ๆ ก็ดีนะครับคุณ Phx

โดยส่วนตัว การออกไป คลุกคลีกับวิชาชีพอื่น นอกจากจะได้เรียนรู้วิธีคิดที่แตกต่าง แล้วมันก็ได้ตระหนักรู้ว่างานของเรา อยู่จุดไหนของสังคม มี impact แค่ไหน และ ที่สําคัญคือ รู้ว่าเราต้องพึ่ง คนอื่น

คือทั้งภูมิใจ แต่ ก็เกิดความถ่อมตัวครับ

ตัวผมเองคาดหวังให้อาจารย์แพทย์ ต้อง innovate คือไม่ต้องถึง กับโนเบล หรอกนะฮะ แต่ต้องกล้าตั้ง hypothesis กล้าเสนอความคิดที่ยังไม่มีใครเสนอ แล้วก็ตามไปพิสูจน์ ทั้งนี้ ไม่มีใครเริ่มจากศูนย์ ความรู้ใหม่ เกิดบนฐานความรู้เก่า แต่การขยาย ต่อเติม หรือ แม้แต่แย้ง ความรู้เก่า เป็นวัฒนธรรมที่ต้องสร้างกันอย่างจริงจังครับ


Posted by : lotus , Date : 2003-09-15 , Time : 00:23:37 , From IP : proxy.inet.co.th

ความคิดเห็นที่ : 20


   At the height of his fame, Isaac Newton wrote to Robert Hooke, "If I have seen further it is by standing on the shoulders of giants" meaning that his advances depended upon the findings of previous scientific geniuses.

Excerpt from The Ultimate Gift, The Story of Britain Premier transplant Surgeon: Sir Roy Calne

จริงแท้แน่นอนอย่างที่ว่าไว้ครับ ความรู้จะต้องต่อยอดไปเรื่อยๆ ประสบการณ์จะต้องถ่ายทอด imagination is even more important than intelligence (Albert Einstein) จินตนาการจะมาได้ก้จากการฝึกคิด ฝึกค้าน ฝึกอภิปราย ฝึกไม่เชื่อ แต่ต้องหาคำอธิบายที่ดีกว่าของเดิมมาหักล้างถกเถียงกัน

ไม่ว่าใครทำงานอาชีพไหน ก็อยู่ในระบบนิเวศน์เดียวกันทั้งนั้น นั่นคือมีผลกระทบความสำคัญเหมือนๆกันหมด คนงานทางรถไฟใต้ดินเงินเดือนไม่กี่ปาวด์สเตอริงพอสไตรค์ทีทั้งลอนดอนก็เป็นอัมพาต คนกวาดขยะมหานครนิวยอร์คลองไม่ทำงานสักอาทิตย์เดียวก็จะเน่าข้ามแม่น้ำฮัดสัน ปโตแมค ไปเลยทีเดียว ฉะนั้นรอบรู้และระหนักบทบาทและผลกระทบของเราต่อโลกและของโลกต่อเราสำคัญแน่นอนที่สุดครับ





Posted by : Phoenix , Date : 2003-09-15 , Time : 01:45:25 , From IP : 172.29.3.243

ความคิดเห็นที่ : 21


   ประทับใจอาจารย์เกษมมากเลย อยากเป็นให้ได้เหมือนอย่างอาจารย์

Posted by : 0 , Date : 2003-09-16 , Time : 21:46:38 , From IP : 172.29.2.164

ความคิดเห็นที่ : 22


   ลองเล่าเรื่องอาจารย์ให้พวกเราฟังหน่อยสิครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2003-09-16 , Time : 22:34:06 , From IP : 172.29.3.224

ความคิดเห็นที่ : 23


   -ในบทบาทของการเป็นแพทย์คือ ตั้งใจรักษาผู้ป่วยอย่างเต็มที่เพื่อให้เขาหายจากความเจ็บป่วย เขาจะได้มีกำลังแสวงหาทางหลุดพ้นต่อไป
-ในบทบาทของการเป็นอาจารย์คือ มีความรู้สึกว่าอยากสอน อยากถ่ายทอดสิ่งที่รู้ให้ผู้ที่ยังไม่รู้อยู่ตลอดเวลา
ส่วนนศพ.นั้นควรมีความสามารถในการเลือกที่จะจดจำสิ่งที่ดีมาเป็นแบบอย่างปฏิบัติ เพื่อสร้างรูปแบบเฉพาะตัวต่อไป


Posted by : megumi , Date : 2003-09-16 , Time : 23:04:05 , From IP : 172.29.3.225

ความคิดเห็นที่ : 24


   คุณ Megumi สามารถตัดสี่เหลี่ยมเล็กๆห้อยหลังรูปได้โดยการตัดชุดวงเล็บปิดท้ายทิ้งไปทั้งวงเล็บเลยครับ คำสั่งลงรูปไม่จำเป็นต้องมีชุดวงเล็บประกบหลัง



Posted by : Phoenix , Date : 2003-09-16 , Time : 23:29:32 , From IP : 172.29.3.224

ความคิดเห็นที่ : 25


   like this



อ้อ..รู้สึกต้องมีเครื่องหมายคำพูดคู่ (") ปิดหัวท้าย address ของรูปด้วย



Posted by : Phoenix , Date : 2003-09-16 , Time : 23:33:01 , From IP : 172.29.3.224

ความคิดเห็นที่ : 26


   ขอบคุณครับ



Posted by : megumi , Date : 2003-09-17 , Time : 05:33:01 , From IP : 172.29.3.234

ความคิดเห็นที่ : 27


   -ในบทบาทของการเป็นแพทย์นั้น อาจารย์ในมอ.ทำได้ดีอยู่แล้ว ส่วนในแง่ของการสอนนั้น ถ้ามีความรู้สึกว่าอยากสอนขึ้นมาแล้ว การแสดงออกก็จะตามมาเอง
สมมติว่านศพ.มาถามว่า film IVP นี่อ่านอย่างไร อาจารย์จะตอบว่าอย่างไร? ส่วนผมจะตอบว่า น้องเคยอ่านเรื่อง film IVP มาว่าอย่างไรบ้าง ถ้าไม่เคยเลย ก็ให้หาเวลาว่างอ่านดูก่อน แล้วค่อยหาเวลาว่างมานั่งคุยกัน ผมตอบอย่างนี้รู้เพราะรู้สึกว่าทำเเล้วได้ประโยชน์หลายอย่าง 1.นศพ.ไม่กลัวที่จะถามเพราะถามแล้วในที่สุดก็ได้คำตอบ 2.การไปหาข้อมูลเองก่อนทำให้เรารู้จักการถางทางไปสู่สิ่งที่เราต้องการ การตอบคำถามทันทีเหมือนการปิดตาแล้วพาไปปล่อยในที่ที่หนึ่ง ถ้าครั้งหน้าให้มาเองคงมาไม่ได้อยู่ดี แต่บางครั้งเราก็อาจตอบทันที่แล้วถามกลับเพื่อชี้ให้เห็นถึงความสำคัญเพื่อไม่ให้ไฟเเห่งความใฝ่รู้มอดซะก่อน จนนศพพอจะรู้ว่าถ้าต้องไปอ่านเองต้องอ่านอะไรบ้าง แต่ก็น่าจะได้ประโยชน์น้อยกว่าวิธีเเรกอยู่ดี



Posted by : megumi , Date : 2003-09-17 , Time : 06:00:50 , From IP : 172.29.3.234

ความคิดเห็นที่ : 28


   ชอบ GTO มีมั้ยแบบโอนิสึกะ ทั้ง โง่ บ้า เซ่อ โรงเรียนคงมีสีสัน

Posted by : คินนิคุแมน , Date : 2003-09-20 , Time : 15:31:52 , From IP : ppp-203.144.143.250.

ความคิดเห็นที่ : 29


   "The mediocre teacher tells. The good teacher explains. The superior teacher demonstrates. The great teacher inspires."

~ William Arthur Ward


Posted by : ลมรำเพย , Date : 2003-09-30 , Time : 13:30:42 , From IP : 172.29.3.103

ความคิดเห็นที่ : 30


   ไม่ด่าว่าเด็ กโง่ บอกตรงๆว่าไม่ชอบอาจารย์ที่เก่งกาจมีความสามารถเลย ตั้งแต่ขึ้นWARDมา บอกตรงๆขยาดคนเก่งมากๆ ไม่อยากสัมผัส ไม่อยากเข้าใกล้ เรียนได้ที่หนึ่งของรุ่น สอบผ่านทุกวิชา แต่จิตวิทยาท่าทางจะตก จิตใจคับแคบกันเหลือเกิน ส่วนใหญ่(ไม่ใช่ทุกคน)ไม่เข้าใจจิตใจเด็กหรอก ด่าได้ด่าเอา คนเก่งมักจิตใจคับแคบ ไม่มีใครอยากเกิดมาไม่เก่งหรอกนะ ถ้าเก่งแล้วคงไม่ต้องมาเรียนหรอก รู้ว่าโง่ก็สอนซิ ส่วนเรื่องที่บอกว่าไปอ่านเอง ขอโทษนะไม่ได้ตรัสรู้เองทุกเรื่องนะ ให้ไปอ่านเอง อ่านเองทุกเรื่องมันเหนื่อยนะ คนเก่งแล้วคงไม่เข้าใจหรอก แต่สำหรับคนที่ไม่เก่ง ทำความเข้าใจช้า วันนึงต้องมานั่งอ่านเองอยู่หลายๆเรื่อง มันท้อนะ ที่สำคัญช่วยคิดซักนิดว่าเด็กแต่ละคนมันไม่เหมือนกันหรอกนะ

Posted by : นศพ. , Date : 2003-11-02 , Time : 20:22:54 , From IP : 172.29.2.133

ความคิดเห็นที่ : 31


   เห็นด้วยว่าครูไม่ควรด่าว่านักเรียนโง่ แต่ผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นส่วนใหญ่ที่ทำแบบนั้น

ตรงนี้ลองมาคิดกันดูว่าถ้าเราเป็นนักเรียน เราจะหาทางออกอย่างไร ส่วนประเด็นที่จะให้อาจารย์เปลี่ยนความประพฤตินั้น หวังได้ครับ แต่อย่างหวังมาก ทางที่ดีก็คือลองคิดดูว่าจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีอย่างไรที่เราจะไปสนใจคำพูดประเมินแบบไม่เป็นทางการของใครๆต่อสติปัญญาของเรา ที่แน่ๆก็คือ "ไม่มีใคร" สามารถบอกได้หรอกนะครับว่าใครโง่ใครฉลาดจากการพบกันช่วงสั้นๆ ฉะนั้นตัดประเด็นที่ว่าการพูดอย่างที่ว่าเป็นการประเมินที่ถูกต้อง (แปลว่าเราโง่จริงๆ) ฉะนั้นเรื่องของเรื่องมันจะตกอยู่ที่เป็นการ deal กับคำพูดลอยๆติดปากของคนบางคนเท่านั้น ณ ปัจจุบัน ผมคิดว่าเราสามารถจะบอกตนเองได้โดยไม่มีอคติมากมายว่าเราไม่ได้โง่แน่ๆ (ขี้เกียจหรือไม่ เป็นอีกเรื่อง ไม่เกี่ยวกัน) ฉะนั้นในความเห็นของผมก็คือ อย่าไปสนใจกับคำพูดแบบนั้น มันไม่เกี่ยวกับเรา และไม่ควรจะมีผลใดๆต่อเราทั้งสิ้น

ประเด็นที่สองเรื่องให้ไปอ่านเอง

ปัจจุบันถ้าอาจารย์ทุกคนปฏิบัติตามหลักแพทยศาสตร์ศึกษาแล้ว จะต้องให้นักเรียนไปศึกษาส่วนที่สามารถหาได้ และ "ทำความเข้าใจด้วยตนเองได้" ให้มากที่สุด และใช้เวลาบรรยายเฉพาะส่วนที่เข้าใจยากหรือประเด็นสำคัญเท่านั้น สาเหตุเป้นเพราะวิธีนี้พิสูจน์แล้วว่าความรู้จะติดตัวนักเรียนยาวนานที่สุด การบอกทุกอย่างหรือให้ง่ายๆเกินไปกลายเป็นการวางยาพิษกำเริบช้า เพราะความรู้ง่ายๆเหือนดอกไม้ริมทางพวกนี้จะมี halef-life สั้นกว่ายูเรเนียมหรือพลูโตเนียม เรื่องอ่านเยอะอ่านน้อยนี่ไม่เกี่ยวกับเก่งหรือไม่เก่ง แต่เกี่ยวกับอึดหรือไม่อึดมากกว่า ยอมรับว่าวิชาแพทยศาสตร์นั้นต้องการความทุ่มเทและการใช้เวลานอกห้องเรียนมากกว่าสายวิชาชีพอื่นมากมายนัก

ทีนี้ถ้ามีปัญหาไม่รู้เรื่องจริงๆ ผมว่าเข้าไปถามอาจารย์ตรงๆขอให้อธิบาย น่าจะเป็นวิธีตรงที่สุด แต่คงไม่ก่อนที่เราพยายามทำเองก่อน เชื่อเถอะครับความรู้ที่เราใช้ความพยายามขวนขวายทำความเข้าใจเองนั้นจะอยู่กับเรานานมาก คุ้มทุกวินาทีที่เราใช้ไปนั่นทีเดียว



Posted by : Phoenix , Date : 2003-11-02 , Time : 21:35:49 , From IP : 172.29.3.220

ความคิดเห็นที่ : 32


   ไอ้พวกบ้า

Posted by : โอม , E-mail : (pook@look.com) ,
Date : 2005-09-19 , Time : 10:07:47 , From IP : 203.155.146.167


ความคิดเห็นที่ : 33


   คุณโอมต้องการความช่วยเหลือเรือ่งการสื่อสารไหมครับ



Posted by : Phoenix , Date : 2005-09-19 , Time : 11:53:22 , From IP : 172.29.3.213

ความคิดเห็นที่ : 34


   หาไม่เจอ


Posted by : แนน , Date : 2007-01-11 , Time : 15:27:31 , From IP : 210.1.2.35

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.013 seconds. <<<<<