ก็ดีนะครับ Posted by : ไอเดีย ใครเอ่ย , Date : 2006-12-14 , Time : 18:43:11 , From IP : 172.29.4.149 |
มี 9 ข้อ ไม่ใช่เหรอคะ มีด้านหลังของประกาศอีก 1 ข้อน่ะค่ะ เคยอ่าน แต่จำไม่ได้ว่าเขียนว่าอะไร Posted by : suspect , Date : 2006-12-14 , Time : 20:33:57 , From IP : 172.29.4.178 |
คนตั้งกระทู้นี้ ล่อเป้าอีกแล้ว แต่มาถกเถียงเรื่องนี้หล่อยล่ะกันนะ ปัญหาที่เกิดตอนนี้ต้องยอมรับว่ามีการฟ้องร้องมากขึ้นจริง ถึงแม้จะน้อยเมือ่เทีบกับเมกา แต่สิ่งที่เกิดกับหมอคนอื่นๆ เช่น การเสียขวัญ ไม่ยอมรักษาคนไข้ มันประเมินค่าไม่ได้นะ -- การที่แพทยสภาออกมาประกาสเช่นนี้ ต้องยอมรับว่าเขาออกมาช่วยแพทย์จริงๆ เพราะแต่ละข้อทำให้หมอทำงานได้ง่ายขึ้น สบายใจขึ้น ผมว่ามันไม่ได้ลดการฟ้องร้องอ่ะ แต่ลดความผิดของหมอที่ไม่สมควรรับผิดลง เช่นการผ่าไส้ติ่งแล้วตาย หมอโดนจำคุกเพราะศาลตัดสินว่า คุณไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเสือกผ่าทำไม อันนี้เรื่องจริงแต่คำว่าเสือกเติมเอง มันน่าสงสารนะ ก็แพทยสภาให้ GP ผ่าไส้ติ่งได้นี่ทำไมเกิดปัญหาแล้วมาโทษว่าไม่ใช่ หมอศัลย์ อันนี้ต้องมาดูว่าคนไข้ตายเพราะไรด้วยนะ ตายเพราะ sepsis, side effect จากการดมยา หรืออื่นๆ อย่างนี้แล้ว GP ที่ไหนใครจะกล้าผ่า และหากไม่ผ่าก็มาด่าหมอว่าเป็นหมอประสาอะไรทำไมทำไม่ได้ และถ้าคนไข้ความรู้มากก็บอกว่า แพทยสภาบอกว่าคุณต้องทำได้นะโหน่ากลัวอ่า แต่หากมีการเขียนไว้ก่อนว่าหมอส่งคุณไปหาหมอศัลย์ได้เพราะหมอไม่ชำนาญ หมอก็รอดนะ แต่หากมองด้านคนไข้ คนที่ตายหากเป็นญาติเราเราก็เสียใจ stage แรกของข่าวร้ายคือ ปฏิเสธ ตามมาด้วยการโทษคนอื่น ตรงนี้แหละหมอจะโดน ถูกไม่ถูกไม่รู้โทษหมอก่อน นี้แหละน่าจะมีการไกล่เกลี่ยและดูแลก่อนที่จะเข้าถึงทนายตัวยุยง และมีการตั้งกองทุนเยียวยาผู้ป่วยประเภทนี้ผมว่าเป็นการลดปัญหาได้นะ คือเจรจา มีกองทุนเป็นอีกหน่วยงานมาดูแล โดยไม่ต้องให้หมอกับคนไข้มาทะเลาะกัน และกันก่อนที่จะมีทนายมาเอี่ยว น่าจะ work นะ สรุปว่า น่าจะมีการดูแลคนไข้เหล่านี้แบบพิเศษ และจ่ายเงินให้ด้วย อันนี้พูดถึงหลังการฟ้องร้อง แต่หมอต้องสื่อสารกับคนไข้ก่อนเสมอก่อนจะทำอะไรน่าจะดีกว่า ,,,,,,,,, ผมคนนึงที่เครียดเรื่องนี้ไม่อยากให้หมอกับคนไข้ทะเลาะกัน ผมว่าการที่เราจั้งใจทำงาน รักคนไข้ของเรา ยึดมั่นในความดี สื่อสารดี ๆ ผลบุญน่าจะช่วยเราได้มาก หมอควรหันมามองตรงนี้ด้วย อย่ามีอคติที่ไม่ดีเลย อย่าลืมว่าก่อนที่เราจะมาเป็นหมอ เราก็เป็นคนไข้มาก่อน เราน่าจะรู้ว่าเราชอบ หรือ ไม่ชอบหมอแบบไหน ................ สรุปอีกที เห็นด้วยกับการประกาสเรื่องนี้ แต่น่าจะมีเรื่องกองทุนเร็ว ๆๆ ขึ้น เฮ้อยเข้าใจกันไหมนี่ .... อาจารย์นกไฟ ยังไม่เห็นทานเข้ามาบ้างเลย Posted by : armymed , E-mail : (-) , Date : 2006-12-14 , Time : 23:39:19 , From IP : 203.155.94.129 |
ปล อันที่ประกาศข้างบนไม่ใช่ฉบับจริง เข้าใจว่าน่าจะมาดัดแปลงเองแบบส่อเสียดอ่ะนะ อ่านดี ๆ นะ อย่าใส่อารมณ์เดี๋ยวจะหาอันจริงมาให้อ่านนะ Posted by : armmy med , E-mail : (=) , Date : 2006-12-14 , Time : 23:42:29 , From IP : 203.155.94.129 |
ประกาศแพทยสภา ฉบับที่ 46/2549 มีสาระสำคัญคือ ข้อ 1 การแพทย์ ในที่นี้หมายถึงการแพทย์แผนปัจจุบันซึ่งคือการแพทย์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ทางวิทยาศาสตร์ว่ามีประโยชน์ ข้อ 2 การแพทย์ยังไม่สามารถให้การวินิจฉัย ป้องกัน และ/หรือบำบัดให้หายได้ทุกโรคหรือทุกสภาวะ บางครั้งอาจทำได้เพียงบรรเทาอาการหรือประคับประคองเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นบางโรคยังมิอาจให้การวินิจฉัยได้ในระยะเริ่มแรก ข้อ 3 ในกระบวนการดำเนินการทางการแพทย์อาจเกิดสภาวะอันไม่พึงประสงค์ได้ แม้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมจะใช้ความระมัดระวังอย่างเพียงพอแล้วก็ตาม ซึ่งถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ข้อ 4 ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมย่อมใช้ดุลยพินิจในการเลือกกระบวนการดำเนินการทางกา รแพทย์ รวมทั้งการปรึกษาหารือส่งต่อโดยคำนึงถึงสิทธิและประโยชน์โดยรวมของผู้ป่วย ข้อ 5 เพื่อประโยชน์ต่อตัวผู้ป่วยเอง ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมอาจปฏิเสธการรักษาผู้ป่วยที่ไม่อยู่ในสภาวะฉุกเฉิน อันจำเป็นเร่งด่วนและเป็นอันตรายต่อชีวิต โดยต้องให้คำแนะนำหรือส่งต่อผู้ป่วยตามความเหมาะสม ข้อ 6 ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรฐานและจริยธรรมวิชาชีพย่อม มีสิทธิและได้รับความคุ้มครองที่จะไม่ถูกกล่าวหาโดยไม่เป็นธรรม ข้อ 7 ภาระงาน ข้อจำกัดของสถานพยาบาล ความพร้อมทางร่างกาย จิตใจ และสภาพแวดล้อม ของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมย่อมมีผลต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนิน การทางการแพทย์ ข้อ 8 การปกปิดข้อมูลด้านสุขภาพและข้อเท็จจริงต่าง ๆ ทางการแพทย์ของผู้ป่วยต่อผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ทำการวินิจฉัยและรักษา ย่อมมีผลเสียต่อการวินิจฉัยและการรักษา และข้อ 9 การไม่ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือบุคลากรทางการแพทย์ ย่อมมีผลเสียต่อการรักษาและการพยากรณ์โรค.-สำนักข่าวไทย Posted by : army med , E-mail : (-) , Date : 2006-12-14 , Time : 23:46:37 , From IP : 203.155.94.129 |
เรียน อาจารย์นกไฟ ไปที่เวบนี้ดูมั้ยครับ http://consumer.pantown.com Posted by : ว้าว , Date : 2006-12-15 , Time : 20:45:27 , From IP : 172.29.3.125 |
ผมงงเรื่อง การจ่ายยาของเภสัชกรครับ เพราะว่าการรักษา การเลือกใช้ยา ที่เหมาะสมกับคนไข้ กับโรค กับ pathophysiology ของโรคนั้น ๆ ควรเป็นคนที่มีความรู้เรื่องโรคมากที่ดอ่ะครับ รวมทั้งต้องอาศัยประสบการณ์ของการรักษาโรคนั้น ๆ ด้วย ผมไม่ได้ว่าเภสัชนะ แต่ว่าเขาคงไม่รู้เรื่องโรคมากอ่ะครับ มันดิวกันไม่ได้นะผมว่า ไม่ได้จริงๆ นะ ขนาดหมอยังลืมโรคบางโรคแล้วเภสัชเขาไม่ค่อยรู้เรื่องโรคจะทำไงอ่า ทางที่ดีควรหาหนทางให้เขามาร่วมมทืในการรักษาเช่น ติดตามการใช้ยาต่าง ๆ ที่น่ามีผลฃ้างเคียง หรือดูเรื่องโดสทำนองนี้อ่ะ นะนะ ไม่ได้ว่าเภสัชนะ เรามีแฟนเป็นเภสัช แต่ขอออกความเห็นหน่อยนะครับ Posted by : ลมพัดหวน , E-mail : (-) , Date : 2006-12-19 , Time : 18:31:23 , From IP : 202.129.51.34 |
- แหม ดุเดือดจริงๆ ....:D Posted by : เหอๆๆ , Date : 2006-12-20 , Time : 21:37:22 , From IP : 202.183.171.7 |
ความเห็นจาก Social Network : Facebook |
|
>>>>> Page loaded: 0.01 seconds. <<<<< |