ความคิดเห็นทั้งหมด : 2

ตรวจสอบรายชื่อผู้ที่จะร่วมเดินทางไปล่องทะเลตรัง-กระบี่


   

คลิกที่นี่เพื่อตรวจสอบรายชื่อครับ


Posted by : JoeJo , Date : 2006-12-13 , Time : 16:20:26 , From IP : 172.29.1.247

ความคิดเห็นที่ : 1




   ไม่เข้าถ้ำเสือ ฤาจะได้ลูกเสือ...

ฉันใด ก็ฉันนั้น หากไม่เข้า“ถ้ำภูผาเพชร”มีหรือจะได้เห็นเพชรน้ำงามทางการท่องเที่ยวแห่งจังหวัดสตูล ซึ่งชื่อเสียงของถ้ำแห่งนี้แม้จะไม่โด่งดังเปรี้ยงปร้างหรือถูกคัดเลือกให้เป็นถ้ำในระดับอันซีนไทยแลนด์ แต่ว่าความงามของถ้ำภูผาเพชรถือว่าไม่เป็นสองรองใครในบรรดาถ้ำทั้งหลายในเมืองไทยเลย แถมความเป็นมาของถ้ำแห่งนี้ยังมีความน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว

เมื่อ 3,000 ปีที่แล้ว ถ้ำภูผาเพชรถือเป็นแหล่งพักพิงของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ มีการค้นพบหลักฐาน ประกอบด้วย กระดูกมนุษย์โบราณส่วนกะโหลกศีรษะ เศษภาชนะดินเผาเคลือบลายเชือกทาบและกระดูกสัตว์เปลือกหอยบรรจุในภาชนะดินเผา สันนิษฐานว่ามนุษย์สมัยก่อนน่าจะใช้ประกอบพิธีทางศาสนา ก่อนที่ถ้ำแห่งนี้จะถูกกาลเวลากลืนหายไป

กระทั่งในปี พ.ศ. 2534 ประวัติศาสตร์ของถ้ำภูผาเพชร ได้ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้งโดยการค้นพบของพระธุดงค์นาม “หลวงตาแผลง” ก่อนที่สำนักงานโบราณคดีพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ 10 ร่วมกับราษฎรในพื้นที่จะทำการสำรวจถ้ำอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2541 เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดสตูล



ผนังถ้ำบางจุดมีลักษณะเป็นริ้วปล้องๆ


ถ้ำภูผาเพชร เป็นถ้ำขนาดใหญ่ ภายในถ้ำเป็นโพรงที่มีความลึก เป็นคูหาขนาดกว้างขวาง โอ่โถง ตระการตา มีเนื้อที่โดยประมาณ 50 ไร่ (20,000 ตารางวา ซึ่งคุณลุงไกด์นำเที่ยวถ้ำบอกว่าเป็นถ้ำที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยและใหญ่ติดอันดับ 7 ของโลก) เดิมทีถ้ำแห่งนี้เรียกว่า ถ้ำลอด หรือถ้ำเพชร หรือถ้ำยาว ก่อนจะมาเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ถ้ำภูผาเพชร เพราะภายในถ้ำ วิจิตรตระการตาไปด้วยหินงอกหินย้อยที่ยามต้องแสงตะส่องประกายดุจดังเพชรระยิบระยับ

และนั่นก็คือข้อมูลเบื้องต้นของถ้ำภูผาเพชรที่หากไม่ได้เข้าไปชม “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ก็จะไม่รับรู้ถึงความสวยงาม ความมหัศจรรย์ และความ แปลกตาของถ้ำแห่งนี้เลย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การเดินขึ้นไปเที่ยวถ้ำภูผาเพชรต้องออกแรงกันเล็กน้อยถึงปานกลาง เพราะในระยะทางประมาณ 500 เมตร ที่ต้องเดินขึ้นบันไดไป 300 ขั้น มันสามารถเรียกเหงื่อและเรียกเสียงหอบของเราได้ไม่น้อยทีเดียว ก่อนที่จะไปเจอกับปากทางเข้า-ออกถ้ำ ที่เป็นรูเล็กๆให้มุด ซึ่งใครที่ขึ้นมาถึง ณ จุดนี้แล้วอย่าเพิ่งถอดใจ เพราะข้างในมีของดีในระดับ 1 ใน สุดยอดของถ้ำเมืองไทยรอคอยอยู่

ครั้นเมื่อพักกายหายเหนื่อยดีแล้ว ลุงไกด์ได้มุดลอดหายเข้าไปในรูก่อนที่เราจะมุดเดินตามหลังแกไป ซึ่งหลังมุดรูเข้ามาเส้นทางเริ่มขยายกว้างใหญ่ขึ้น ส่วนเส้นทางนำชมนั้นก็เป็นบันไดไม้สร้างทอดตัวลัดเลาะไปตามพื้นที่ของถ้ำ สำหรับจุดสนใจเป็นเสาค้ำสุริยัน ที่นอกจากจะชื่อเท่แล้ว ยังเป็นเสาหินที่น่ามองไม่ใช่น้อย



ห้องพญานาคที่มีสันหินนูนขึ้นมาเป็นทางดูคล้ายลำตัวพญานาคเลื้อยพันห้อง


พูดถึงการเที่ยวถ้ำแล้ว ต้องดูหินงอกหินย้อยด้วยตาอย่างเดียว ส่วนมือห้ามไปแตะต้องสัมผัสกับหินงอกหินย้อยใดๆในถ้ำอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำไปหยุดการเจริญเติบโตของหินงอกหินย้อยที่ต้องใช้เวลาสะสมการเติบโตมานับพันนับหมื่นปี



หินรูปหัวพญานาคอ้าปาก


นอกจากนี้สิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่งในการเที่ยวถ้ำก็คือ การเปิดโลกแห่งจินตนาการตามไปด้วย เพราะประติมากรรมธรรมชาติต่างภายในถ้ำนั้น หากใช้จินตนาการมองตามก็จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการชมมากยิ่งขึ้น บ้างก็ดูเป็น ช้าง ม้า เต่า เด็ก พระ ม่าน ปราสาท พญานาค หลวงจีน คนคู่ ฯลฯ สุดแท้แต่จินตนาการของใครของมัน

ลุงไกด์บอกว่าถ้ำภูผาเพชรมีห้องต่างๆประมาณ 20 ห้อง ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวชมถือเป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งห้องที่เด่นๆที่ลุงพาไปชมก็มี ห้องปะการัง มีหินงอกหินย้อยขึ้นยุบยับคล้ายปะการังใต้ท้องทะเล ห้องผ้าม่าน มีแผ่นหินเป็นริ้วๆลักษณะคล้ายกับผ้าม่าน ห้องโดมศิลาเพชรที่หินภายในถ้ำยามต้องแสงจะส่องประกายระยิบระยับดังใครนำเพชรจำนวนมากมาประดับไว้

ส่วนห้องที่ทำให้เราถึงกับอึ้งในความมหัศจรรย์ของธรรมชาติก็คือ ห้องโถงใหญ่ ที่ไม่น่าเชื่อว่าโลกใต้พิภพแห่งนี้จะใหญ่โตอลังการมากๆ ในนั้นนอกจากเสาหิน แท่งหิน หินงอกหินย้อยแล้ว ยังมีแท่นหินเล็กๆตั้งขึ้นมามีน้ำหยดลงมาตลอดทั้งปีที่ยามน้ำหยดลงมาหากส่องไฟสวนขึ้นไปจะเห็นหยดน้ำค่อยหยดเป็นเม็ดลงมาดูสวยงามมาก ซึ่งหลายๆคนว่านี่คือน้ำศักดิ์สิทธิ์จนมีคนโยนเหรียญลงไปอธิษฐาน

จากห้องโถงใหญ่ไปไม่ไกลจะเป็นห้องลานเพลินที่ธรรมชาติได้สรรค์สร้างให้เกิดลานหินกว้างเป็นชั้นเตี้ยๆดูคล้ายเวทีคอนเสิร์ตจนนักท่องเที่ยวหลายๆคนอดใจไม่ไหว ขึ้นไปเดิน เต้น ถ่ายรูปกันบนลานเพลินกันเป็นจำนวนมาก



ใช่เพียงผนังและเพดานเท่านั้น ที่พื้นถ้ำก็มีหินรูปร่างแปลกๆให้ชมเช่นกัน


อีกห้องถัดไปที่ถือเป็นไฮไลท์ก็คือ ห้องมรกต ห้องนี้เพดานถ้ำเป็นช่องโหว่มีแสงส่องลงมากระทบกับก้อนหินสีเขียวก้อนใหญ่ใจกลางห้องที่มีผ้าแพรผืนเล็กๆ ผูกโยงไว้ ทำให้ทั้งห้องพลอยกลายเป็นสีเขียวตามไปด้วย แต่น่าเสียดายที่ก้อนหินใหญ่ที่ถือเป็นจุดเด่นของห้องถูกนักท่องเที่ยวหลายๆคนไปลูบไล้สัมผัส จนหน่วยงานที่ดูแลถ้ำต้องสร้างรั้วไม้เตี้ยๆล้อมไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้หินก้อนใหญ่ถูกสัมผัสจับต้องจนความเขียวหดหาย



ปากทางเข้าถ้ำภูผาเพชรที่เล็กจนต้องมุดคลานเข้าไป


ส่วนรอบๆหินใหญ่นักท่องเที่ยวได้ไปเรียงหินเป็นกองๆพร้อมอธิษฐานขอให้สมหวังตามความเชื่อ คล้ายที่เกาะหินงามแห่งอุทยานฯตะรุเตา ซึ่งก็กลายเป็นองค์ประกอบช่วยขับให้ก้อนหินใหญ่สีเขียวดูโดดเด่นยิ่งขึ้น

สำหรับของดีในถ้ำภูผาเพชรยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะเมื่อเดินออกไปอีกหน่อยก็จะได้พบกับร่องรอยของแห่งน้ำเป็นชั้นๆที่แม้ว่าน้ำจะเหือดแห้งไปแล้ว แต่ว่าหลายๆคนเรียกห้องนี้ว่า ห้องอ่างน้ำ หรือบางคนก็เรียกว่าห้องอ่างชูวิทย์ ซึ่งเราทำได้เพียงแค่ยืนดูเท่านั้นเพราะแอ่งน้ำแห้งมีลักษณะลดหลั่นไปเป็นชั้นๆลึกหายลงไปในความมืด

ไหนๆก็พูดถึงความมืดแล้ว ห้องเด่นห้องสุดท้ายที่ชื่อว่าห้องพญานาคนั้น “ผู้จัดการท่องเที่ยว” ได้สัมผัสกับความมืดภายในถ้ำอย่างแท้จริง ซึ่งห้องพญานาคแห่งนี้ในอดีตเคยถูกน้ำท่วมขังอยู่ยาวนาน จนขอบน้ำท่วมถึงเกิดการสะสมของตะกอนกลายเป็นสันขึ้นนูนเป็นทางยาวไปรอบห้อง มองดูคล้ายลำตัวพญานาคเลื้อยพันอยู่รอบห้อง นับเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มหัศจรรย์และน่ายลไม่น้อย

เมื่อชมความน่าตื่นตาตื่นใจของห้องพญานาคไปได้สักพัก คุณลุงไกด์บอกว่าจะขอปิดไฟเพื่อให้เราได้สัมผัสกับความมืดภายในถ้ำว่า มันมืดแค่ไหน

จากนั้นแกก็ดับไฟฉายลงในบัดดล !!!

โอ้ว...พระเจ้าจอร์จ มันมืดสนิทจริงๆ มองอะไรไม่เห็นเลย ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของตัวเอง จากนั้นอีกสักพักลุงไกด์จึงได้เปิดไฟขึ้น



ก้อนหินคู่รูปร่างแปลกตา


ความสว่างกลับคืนมา ภาพความงดงามของโลกใต้พิภพกลับคืนมาอีกครั้ง แต่ว่าก็เป็นความงดงามที่เกิดขึ้นไม่นาน เพราะเราต้องเดินทางออกจากถ้ำกันแล้ว นี่หากไม่มุดปากถ้ำเข้ามาเราก็จะไม่มีทางรู้เลยว่า ณ โลกใต้ดินแห่งนี้มีความงามอันน่ามหัศจรรย์แอบแฝงอยู่ ซึ่งจะว่าไปแล้วนี่คือเสน่ห์อันสำคัญของธรรมชาติที่ทั้งนักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่ต้องช่วยกันเก็บรักษาเสน่ห์ของถ้ำภูผาเพชร ที่เป็น 1 ใน เพชรเม็ดงามทางการท่องเที่ยวของจังหวัดสตูลไว้ให้นานเท่านาน

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ถ้ำภูผาเพชร ตั้งอยู่หมู่ที่ 9 บ้านควนดินดำ ต.ปาล์มพัฒนา กิ่งอำเภอมะนัง จ.สตูล เสียค่าธรรมเนียมค่าเข้าชมเข้า 20 บาท เปิดทุกวัน 9.00-15.00 น.

การเดินทางจากตัวเมืองสตูล ไปตามถนนสายสตูล-หาดใหญ่ถึงสามแยกนิคมควนกาหลง เลี้ยวซ้ายผ่านที่ว่าการอำเภอควนกาหลงถึงสามแยกผัง 1 ต.อุใดเจริญเลี้ยวขวาเข้าสู่กิ่งอำเภอมะนัง ถึงสี่แยกบ้านผังปาล์ม 1 เลี้ยวซ้ายตรงไป 1 กม. ถึงสี่แยกบ้านไทรทองแล้วเลี้ยวขวาเข้าไปยังถ้ำภูผาเพชร พอถึงแยกบ้านปากคอกตรงไปถึงโรงเรียนบ้านป่าพน จากนั้นเลี้ยวซ้ายตรงไปอีก 8 กม.ก็จะถึงถ้ำภูผาเพชร

นอกจากถ้ำภูผาเพชรแล้ว ใน ต.ปาล์มพัฒนา ยังมีถ้ำเจ็ดคด น้ำตกวังใต้หนาน และกิจกรรมล่องแก่งอยู่ในละแวกเดียวกัน สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อบต. ปาล์มพัฒนา โทร. 0-7472-0314 ต่อ 11 หรือที่ ททท. ภาคใต้ เขต 1 โทร. 0 -7423- 1055, 0 -7423 -8518





Posted by : อาฉี , Date : 2006-12-13 , Time : 20:33:05 , From IP : 172.29.1.159

ความคิดเห็นที่ : 2


   ไปมาแล้ว สวยงาม ตระการตา และหนุกหนานมากตอนล่องแก่งซึ่งจัดเป็นกิจกรรมร่วม ไม่ลอง ไม่รู้น่ะ ขอบอก

Posted by : ชินจังผู้รักชาติไทย , Date : 2006-12-15 , Time : 04:33:35 , From IP : 172.29.1.121

ความเห็นจาก Social Network : Facebook


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น
>>>>> Page loaded: 0.005 seconds. <<<<<