ความคิดเห็นทั้งหมด : 0

ผู้ป่วยได้รับ GPOvir จน CD4 700 แล้ว จะหยุดยาได้หรือยัง


   เคย post เรื่องนี้ไปเมื่อวันที่ 5 พค. ในกระทู้ “การหยุด ART ชั่วคราวเป็นระยะเวลานาน” แต่คิดว่าไม่สื่อสิ่งที่อยากให้ทุกท่านทราบเพราะตั้งกระทู้ยังไม่ดี จึงขอ post ซ้ำเพราะเป็นเรื่องที่ทุกท่านควร/ต้องรู้ค่ะ


ได้รับคำถามจากแพทย์ท่านหนึ่งซึ่งเป็นคำถามที่น่าสนใจมาก

ชายอายุ 40 ปี ติดเชื้อ HIV ได้รับ GPOvir S30 1x2 มาประมาณ 2 ปี ผู้ป่วยมีอาการดีเป็นปกติ ทำงานได้ดี CD4 ล่าสุด = 760 (25%) ก่อนเริ่ม GPOvir CD4 = 120 (7%)

ถาม จะหยุด GPO vir ได้หรือไม่ เพราะตอนนี้ผู้ป่วยสบายดีและ CD4 ดีแล้ว


Posted by : chpantip , E-mail : (chpantip@medicine.psu.ac.th) ,
Date : 2008-05-20 , Time : 15:49:13 , From IP : 172.29.3.68

ตอบ

ไม่ควรหยุดยาต้านไวรัส (antiretroviral drug, ARV) เพราะการรักษาโรคติดเชื้อ HIV ด้วยยาต้านไวรัส (antiretroviral therapy, ART) มีผลเพียงกดการเพิ่มจำนวนของ HIV ยังไม่สามารถรักษาโรคให้หายขาดได้ การหยุด ART มีผลทำให้ HIV เพิ่มจำนวนขึ้น ภูมิต้านทานลดลง (บอกได้จาก CD4 ลดลง) และมีอาการของโรคตามมา

มีแนวความคิดในการหยุด ART ชั่วคราวเป็นระยะเวลานาน (planned long-term therapy interruption strategies) ในผู้ป่วยที่ได้รับ ART จนบรรลุเป้าหมายในการกดไวรัสและมีค่า CD4 counts คงอยู่เหนือระดับที่แนะนำให้เริ่ม ART ทั้งนี้เพื่อลดความไม่สะดวกของผู้ป่วยในการต้องกินยาตลอด ลดการเกิดพิษของยาในระยะยาว และลดค่ายา

มีหลาย clinical trial ที่ศึกษาการหยุด ART ชั่วคราวโดยมีจุดประสงค์เพื่อดูว่าปลอดภัยกับผู้ป่วยหรือไม่ ทั้งนี้จะเริ่มให้ ART อีกทันทีเมื่อ CD4 count ตกลงมาถึงระดับที่กำหนดไว้ มี 2 randomized clinical trials ของ CD4 count-guided treatment interruption ที่ได้รายงานแล้ว ใน SMART study ซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยมากที่สุด ได้กำหนดไว้ให้หยุด ARTเมื่อ CD4 counts >350 cells/mm3 และเริ่มให้ ART ใหม่เมื่อ CD4 count <250 cells/mm3 ผลการศึกษาพบว่า เพิ่มความเสี่ยงของ disease progression และการตายในกลุ่มที่หยุดยาเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับ ART อย่างต่อเนื่อง ในอีกการศึกษาหนึ่ง (TRIVACAN study) ก็ได้แสดงให้เห็นว่าการหยุดยามีข้อเสียมากกว่า การศึกษาทั้ง 2 ถูกหยุดก่อนกำหนดเนื่องจากผลออกมาดังกล่าว จาก DART trial พบว่าอัตราของ WHO stage 4 events/ deaths เพิ่มเป็น 2 เท่าในกลุ่มที่หยุดยาและให้ยา 12สัปดาห์สลับกันในผู้ป่วยอาฟริกันที่มี CD4 สูงขึ้นมากกว่า >300/mm3 เทียบกับกลุ่มที่ให้ยาตลอด การศึกษาแบบ observational จาก the EuroSIDA cohort พบว่าความเสี่ยงของการตายเพิ่มเป็น 2 เท่าหลังหยุด ART >3 เดือน ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของการตายหรือการรุนแรงขึ้นของโรค ได้แก่ CD4 count ที่ต่ำกว่า, viral load ที่สูงกว่า และการเคยเป็น AIDS มีการศึกษาหลายฉบับที่ไม่พบมีข้อเสียที่รุนแรงแต่เป็นการศึกษามีผู้ป่วยจำนวนน้อยกว่า ดังนั้น จากข้อมูลที่มีอยู่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีการรับรอง planned long-term therapy interruption (DI)

ถ้าจำเป็นต้องหยุด ART ผู้ป่วยต้องได้รับการติดตามอย่างใกล้ชิดทั้งทางคลินิกและทางการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ต้องคอยติดตามความเสี่ยงของ viral rebound, acute retroviral syndrome, การเพิ่มความเสี่ยงของการแพร่เชื้อ HIV, CD4 count ลดลง, โรค HIV เป็นรุนแรงขึ้นหรือการตาย, การเกิดการติดเชื้อฉวยโอกาสต่างๆ, การเกิดอาการที่ไม่รุนแรงที่สัมพันธ์กับ HIV เช่น oral thrush, การเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงโดยไม่สัมพันธ์กับ AIDS (เช่น มะเร็ง, โรคหัวใจ, โรคตับ และโรคไต), การเกิดเชื้อดื้อยา และความจำเป็นที่ต้องให้ยาป้องกันโรคติดเชื้อฉวยโอกาสซึ่งขึ้นอยู่กับค่า CD4 count การหยุด ART มักมีผลทำให้ CD4 counts ลดลงได้อย่างรวดเร็ว

Reference: DHHS: Guidelines for the Use of Antiretroviral Agents in HIV-1-Infected Adults and Adolescents. January 29, 2008:1-128 http://www.aidsinfo.nih.gov/ContentFiles/AdultandAdolescentGL.pdf


Posted by : chpantip , E-mail : (chpantip@medicine.psu.ac.th) ,
Date : 2008-05-20 , Time : 15:59:3


Posted by : chpantip , E-mail : (chpantip@gmail.com) ,
Date : 2008-05-29 , Time : 08:42:14 , From IP : 172.29.3.68


สงวนสิทธิ์การแสดงความคิดเห็นสำหรับ สมาชิกเท่านั้น