ผู้ป่วยมาขอยา ARV เพื่อป้องกันการติดเชื้อ HIV จากการมีเพศสัมพันธ์เมื่อ 3 วันก่อนหญิงอายุ 30 ปี มาพบแพทย์เพื่อขอรับยาต้านไวรัสเนื่องจากมีเพศสัมพันธ์เมื่อ 3 วันก่อนกับชายที่เพิ่งทราบวันนี้เองว่าเป็นเอดส์ หญิงดังกล่าวเล่าว่าได้รู้จักกับชายผู้หนึ่งเมื่อ 7 วันก่อน หลังจากนั้น ได้มีเพศสัมพันธ์กัน 3 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อ 3 วันก่อน และครั้งหลังสุด 9 ชั่วโมงก่อนมารพ. โดยไม่ใช้ถุงยาง เช้าวันนี้ แฟนของชายผู้นั้นได้มาบอกเธอว่า ผู้ชายคนนั้นเป็นเอดส์และได้รับ GPOvir จากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งมานาน 2 ปีแล้วโดยกินยาไม่สม่ำเสมอ หญิงผู้นี้เคยมีสามีและมีลูกมาแล้ว ท่านมีความเห็นว่า 1. ควรให้ยา ARV เพื่อ post-exposure prophylaxis แก่หญิงผู้นี้หรือไม่ 2. ถ้าจะให้ ARV จะเลือกใช้ยาอะไร Posted by : chpantip , E-mail : (chpantip@medicine.psu.ac.th) , Date : 2008-05-26 , Time : 15:43:12 , From IP : 172.29.3.68 |
Keywords 1. ได้มีเพศสัมพันธ์กัน 3 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อ 3 วันก่อน และครั้งหลังสุด 9 ชั่วโมงก่อนมาพบแพทย์โดยไม่ใช้ถุงยาง 2. Source ติดเชื้อ HIV และได้รับ GPOvir กินยาไม่สม่ำเสมอ 1. ควรให้ยา ARV เพื่อ post-exposure prophylaxis แก่หญิงผู้นี้หรือไม่ ก่อนอื่น ต้องพิจารณาว่า exposure significant หรือไม่ คำตอบคือ significant Receptive vaginal มีโอกาสติดเชื้อ 0.01-0.1% (1-10/10 000) ในรายนี้มี SI 3 ครั้งก็ต้อง x 3 ในรายที่ถูกข่มขืน จะมี trauma มากทำให้มีโอกาสติดเชื้อสูงกว่านี้ หญิงผู้นี้เคยมีสามีและมีลูกมาแล้ว ไม่น่าจะมี trauma มาก ระยะเวลาระหว่าง exposure กับเมื่อมาพบแพทย์ยิ่งสั้นก็ยิ่งดีสำหรับการเริ่มยา ARV สำหรับ PEP (postexposure prophylaxis) ดีที่สุดคือให้ภายใน 3 ชั่วโมงแรก ทั่วไป จะไม่ให้ยาถ้าผู้ป่วยมาหาหลัง exposure มากกว่า 3 วันเพราะจะไม่ได้ผล รายนี้มี exposure มา 3 วันแต่ก็มี exposure ซ้ำอีกที่ 9 ชั่วโมงก่อนมาพบแพทย์ ดังนั้น จึงสมควรให้ ARV มีคนตั้งข้อสงสัยว่า แฟนเก่าของผู้ชายจะมาหลอกผู้หญิงคนนี้หรือไม่ว่าผู้ชายเป็นเอดส์ จะได้เลิกกัน ดิฉันไม่สามารถตามผู้ชายมาพูดคุยสอบสวนได้ และกว่าจะได้พบก็จะต้องเลื่อนเวลาการเริ่ม ARV ให้นานไปอีก ในกรณีที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่ได้ติดเชื้อ HIV ก็ต้องให้ ARV ไปก่อนเพื่อประโยชน์ในการป้องกันการติดเชื้อ 2. จะเลือกใช้ยาอะไร ต้องพิจารณา source ผู้ชายติดเชื้อ HIV ไม่ทราบว่าอยู่ในระยะใด แม้กินยา GPOvir แต่ก็กินไม่สม่ำเสมอ ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงที่จะมีเชื้อดื้อต่อยาที่กินอยู่ ยา ARV ที่ใช้ป้องกันสำหรับหญิงผู้นี้จึงต้องไม่ใช่ D4T, 3TC และ nevirapine ดิฉันเลือกให้ NRTI 2 ตัว คือ AZT (100) 2x2 และ 3TC (100) 1x2 ร่วมกับ protease inhibitor คือ Lopinavir/Ritonavir (400/100) 3x2 ที่ไม่เลือกใช้ NNRTI คือ efaviranz เพราะมี cross resistance กับ nevirapine อื่นๆ -ได้เจาะเลือดหญิงผู้นี้ส่ง HIV antibody, HBsAg, HCV antibody และ VDRL ไว้เป็นข้อมูลพื้นฐาน และจะเจาะซ้ำอีกที่ 3 เดือนหรือ 6 เดือน -นัดมาตรวจซ้ำอีก 3 วันเพื่อดูว่าเขาสามารถกินยาได้หรือไม่ จะให้ยาไปนาน 4 สัปดาห์ -ให้งดการมีเพศสัมพันธ์และการบริจาคเลือดในช่วง 6 เดือนนี้ Posted by : chpantip , E-mail : (chpantip@gmail.com) , Date : 2008-05-28 , Time : 16:47:25 , From IP : 172.29.3.68 |