สำหรับการเก็บยาต้าน TB นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ ที่ต้องบอกกล่าวกับผู้ป่วย เนื่องจากแต่ละชนิดมีความคงตัวต่างกัน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1. Rifampicin สลายได้ง่ายในที่แสงส่อง หรือเก็บยาไว้ในที่ร้อน ซึ่งยาจะเปลี่ยนรูปเป็นผลึก (amorphous form) ที่ละลายน้ำไม่ดี แตกตัวได้ยาก ดังนั้นควรเก็บยาที่ไม่โดนแสง หรือที่ร้อน (ผู้ป่วยบางรายเก็บยาในรถ)
2. Ethambutol ดูจะมีปัญหามากที่สุด เพราะสามารถดูดความชื้น (hydroscopic property) ได้อย่างรวดเร็ว โดยหากเก็บไว้ในที่ที่มีความชื้นสูง ภายใน 24 ชั่วโมงยาจะดูดความชื้นเข้าสู่เม็ด ทำให้น้ำหนักเพิ่มจากเดิม 70 % และถ้าโดนอุณหภูมิสูง การดูดความชื้นจะเป็นไปได้เร็วยิ่งขึ้น (ดังรูปกราฟที่1) โดยยาที่ดูดความชื้นแล้วจะมีลักษณะที่เปลี่ยนไป โดยมีลักษณะชื้น หากเก็บไว้นานอาจเยิ้มเป็นน้ำได้ (ดังรูป 2) และยาที่ชื้นแล้วเมื่อบดดู พบว่าบดได้ค่อนข้างยาก ซึ่งอาจส่งผลต่อการละลายและการแตกตัวของยาได้
3. กรณียาแบ่ง Ethambtol 400 mg (เนื่องจากยาเม็ด 200 mg หายาก) นั้น จากการลองแบ่งยาแล้วเก็บเป็นเวลา 24 ชั่วโมง พบว่ามีลักษณะชื้น (ดังรูป 3) ซึ่งในความเห็นส่วนตัวยาดังกล่าวแปรสภาพไปแล้ว โดยผมเองก็ไม่แน่ใจในการให้ผู้ป่วยทานยาดังกล่าวปลอดภัยหรือยังมีประสิทธิภาพหรือไม่ หากได้รับการพิสูจน์ในการศึกษาอนาคต น่าจะตอบคำถามได้มากขึ้นครับ
4. จากประสบการณ์ของผม จากการสัมภาษณ์การเก็บยาของผู้ป่วยมีหลายลักษณะ เช่น แกะ Foil ออก เอายาใส่ถุงเพื่อความสะดวก, เอายาไว้ที่ห้องน้ำ ครัว หรือ บนตู้เย็น (เป็นที่ที่จะเห็นยา เพื่อกันการลืมทาน), หนักสุดที่เจอ คือ เอายาแช่ตู้เย็น กลัวยาเสีย
แม้ว่ายังไม่ทราบผลกระทบทางคลินิกว่า ผู้ป่วยที่ทานยาลักษณะดังกล่าว จะเกิดอะไรขึ้น แต่ ณ ปัจจุบันเรากำลังเผชิญปัญหา TB ที่มากขึ้น และที่น่ากลัวกว่าก็คือ MDR หรือ XDR-TB ดังนั้นการเก็บยาให้เหมาะสม ร่วมกับ การกำชับและดูแลการทานยาของผู้ป่วย นั้นป็นสิ่งที่เราควรบอกกล่าวผู้ป่วยครับ
ขอบคุณครับ
Posted by : wichy , Date : 2008-10-24 , Time : 09:17:06 , From IP : 172.29.19.154
|