ชาย 64 ปี มีไข้และจมูกบวมและเจ็บมา 5 วันชายอายุ 64 ปี มาที่ ER ด้วยไข้ ร่วมกับมีจมูกบวมและเจ็บมา 5 วัน ผู้ป่วยเป็น COPD อยู่เดิม PE: T 39°C, RR 22/min, BP 120/70 mm Hg, HR 86/min chest auscultation: left sided crackles were heard on He had a painful fluctuant abscess of the anterior nose. Laboratory tests CBC: WBC 38000/cumm with 49% band forms C-reactive protein (350 mg/L, normal range <10 mg/L). Chest radiography on admission showed an infiltrate of the left upper lung. 1. บอกปัญหาของผู้ป่วย 2. บอกการวินิจฉัยที่น่าจะเป็นมากที่สุดรวมถึงเชื้อก่อโรคด้วย 3. ท่านจะ manage ผู้ป่วยอย่างไรต่อไป Posted by : chpantip , E-mail : (chpantip@medicine.psu.ac.th) , Date : 2008-09-05 , Time : 12:51:19 , From IP : 172.29.3.68 |
ขอบคุณคุณหมอ sagittareusinternist และนศพ.harder มากค่ะ ยินดีต้อนรับสู่ e-consult ค่ะ แพทย์ได้เจาะและระบายหนองฝีที่จมูกพร้อมให้ยา amoxicillin/clavulanic acid, and amikacin ผลการเพาะเชื้อจากเลือดและหนองจากจมูกขึ้น methicillin-susceptible Staphylococcus aureus ในช่วงสัปดาห์แรกของการรักษา ผู้ป่วยหอบเหนื่อยมากขึ้น ได้ทำ Chest CT วันที่ 6 ของการรักษา ถาม 1. พบความผิดปกติอะไรจาก Chest CT บ้าง 2. ท่านจะส่ง work up อะไรบ้างเพื่อให้ทราบถึง virulence factor ของเชื้อนี้ Posted by : chpantip , E-mail : (chpantip@medicine.psu.ac.th) , Date : 2008-09-10 , Time : 15:35:46 , From IP : 172.29.3.68 |
ขอบคุณคุณหมอ Harder มากค่ะ ตอบ Chest CT วันที่ 6 พบ multiple confluent lesions bilaterally with abscess formations and mediastinal lymphadenopathy เนื่องจากผู้ป่วยมี necrotizing pneumonia จึงนึกถึงว่า เชื้อก่อโรคน่าจะเป็น S. aureus สายพันธุ์ที่สร้าง Panton-Valentine leucocidin (PVL) ได้ส่ง PCR และตรวจพบ PVL loci (lukS-PV and lukF-PV) ผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วย IV cloxacillin นาน 4 สัปดาห์ ตามด้วย clindamycin กินนาน 4 สัปดาห์จนฝีที่ปอดหายไปหมด จากการติดตามหลังสุดที่ 3 เดือนต่อมา ผู้ป่วยสบายดี โดยที่ยังคงมี perforated nasal septum ขอถามต่อนะคะ Panton-Valentine leucocidin (PVL) มีความสำคัญอย่างไร Posted by : chpantip , E-mail : (chpantip@medicine.psu.ac.th) , Date : 2008-09-15 , Time : 16:09:35 , From IP : 172.29.3.68 |
ขอบคุณคุณหมอ harder มากค่ะ คุณหมอตอบถูกต้องแล้วค่ะ ดิฉันขอขยายความนะคะ S. aureus เป็นเชื้อก่อโรคประมาณ 2% ของ community-acquired pneumonia และ10% ของ nosocomial pneumonia โดยมีอัตราตายจาก 30% ถึง 80% ในรายที่มีbacteremia การมี nasal colonisation ด้วย S. aureus เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญมากของ invasive infection ที่เกิดตามมา ในยุโรป พบว่ามากกว่า 20% ของผู้ป่วยทั้งหมดที่รับการรักษาใน non-surgical ward เป็น nasal carrier ของ S. aureus และ 80% ของ bacteremic infection ใน carrier สัมพันธ์กับการมีเชื้อนี้ colonize อยู่ในช่องจมูกส่วนหน้า PVL เป็น virulence factor ชนิดหนึ่งของ S. aureus ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลง permeability ของ membrane ของ human polymorphonuclear neutrophil และทำให้เซลล์ตาย proinflammatory effect ของ PVL และ lytic activity ต่อ granulocyte ทำให้เกิด necrosis จึงทำให้เกิด rapidly progressive necrotising pneumonia และ skin and soft tissue infections รวมถึง necrotising fasciitis การปรากฏอย่างรวดเร็วของ community-acquired strain ของ methicillin-resistant S aureus (MRSA) ในต่างประเทศในทศวรรษที่ผ่านมาทำให้มีความสนใจ PVL-associated disease มากขึ้น เนื่องจาก 70% ของ community-acquired MRSA strain มี PVL genes ส่วน nosocomial S aureus strain มี PVL น้อยกว่า 5% community-acquired MSSA strain ก็สามารถมี PVL genes ได้เช่นกัน MSSA isolate ที่มี lukS-PV and lukF-PV อาจทำให้เกิด 70% ของ recurrent skin abscesses หรือ furuncles และมากกว่า 90% ของnecrotising pneumonia ที่เกิดจาก S aureus PVL สัมพันธ์อย่างมากกับ necrotic lesion ที่เป็นกับผิวหนังหรือเยื่อเมือก PVL-positive S aureus necrotising pneumonia พบได้บ่อยกว่าในเด็กเล็กที่มีภูมิต้านทานปกติหรือผู้ใหญ่ที่มี influenza-like syndrome นำมาก่อน การมี PVL สัมพันธ์กับความรุนแรงของโรค ตั้งแต่ cutaneous infection ที่ต้องการ surgical drainage จนถึง necrotising pneumonia โดยมีอัตราตายสูงถึง 75% และมีการตายที่รวดเร็วภายใน 48 ชั่วโมงของการรับเข้ารักษาในรพ. รูปและเรื่อง จาก Laifer G. Lancet 2006;367:1628 Posted by : chpantip , E-mail : (chpantip@medicine.psu.ac.th) , Date : 2008-09-22 , Time : 13:01:57 , From IP : 172.29.3.68 |