การดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง
เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนค่ะ
นอกเหนือจากการวางแผนการรักษาที่ถูกต้องเพื่อผลการรักษาที่ดีแล้ว
สิ่งสำคัญที่มีผลต่อการรักษา คือ สภาพจิตใจของผู้ป่วยค่ะ
ซึ่งมีผลกระทบตั้งแต่ก่อนการรักษา
ร่างกายและจิตใจเป็นสิ่งที่มีความสัมพันธ์และมีอิทธิพลต่อกัน
ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ การรักษาโรคใด ๆ ให้ได้ผลดี
จะต้องให้การดูแลทั้งร่างกายและจิตใจควบคู่กันไปด้วยค่ะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคมะเร็ง
ซึ่งเป็นโรคที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิดของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก ดังนั้น
การดูแลในส่วนนี้จึงมีความสำคัญที่ควรทราบ
ซึ่งจะแบ่งการดูแลตามสภาพการเกิดผลกระทบทางจิต ใจของผู้ป่วยดังนี้ค่ะ
ระยะก่อนและขณะที่ได้รับทราบการวินิจฉัย โรค
ระยะที่ให้การรักษา
ระยะติดตามการรักษา
ระยะสุดท้าย
ระยะก่อนและขณะที่ได้รับทราบการวินิจฉัยโรค
ผู้ป่วยมะเร็งส่วนใหญ่มักจะอยู่ในวัยที่ต้องรับผิดชอบต่อครอบครัวค่ะ
ดังนั้นความตึงเครียดและความกังวลต่อโรคที่ได้รับการวินิจฉัยจึงค่อนข้างสูง
ความรู้สึกในวันก่อนทราบผลการวินิจฉัยจึงมีลักษณะขัดแย้งกันในตัวเอง
มีความสับสน ทั้งต้องการทราบผลการวินิจฉัย แต่ก็กลัวที่จะเป็นมะเร็ง
เป็นลักษณะความขัดแย้งในอารมณ์ เมื่อแพทย์บอกการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็ง
ด้วยความรู้สึกและมีเจตคติต่อโรคมะเร็งว่า
เป็นโรคที่ผู้ใดเป็นแล้วต้องตายไม่มีทางรักษา
พฤติกรรมก็อาจจะแสดงออกมาในรูปแบบต่าง ๆ กัน ดังนี้ค่ะ
การปฏิเสธความจริง
การโกรธและก้าวร้าว
การต่อรอง
การยอมรับ และ
ภาวะซึมเศร้า ค่ะ
พฤติกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น อาจเรียง หรือ ไม่เรียงตามลำดับก็ได้ค่ะ
เช่น ผู้ป่วยอาจจะมีภาวะซึมเศร้า ก่อนหรือหลังภาวะการยอมรับก็ได้ ภาวะต่าง ๆ
เหล่านี้ ตั้งแต่การปฏิเสธความจริง การต่อรอง หรือการหลบหนีความจริง
ล้วนแล้วแต่สร้างความกังวลใจให้ผู้ป่วย
ซึ่งอาจจะมีหรือไม่มีภาวะซึมเศร้าร่วมด้วยก็ได้ค่ะ จากรายงานพบว่า
ในผู้ป่วยที่มีประวัติดื่มเหล้ามาก ก็จะมีอัตราเสี่ยงต่อภาวะนี้
และมีโอกาสฆ่าตัวตายมากขึ้นค่ะ
ดังนั้นการทราบภาวะซึมเศร้าของผู้ป่วยจึงเป็นเรื่องสำคัญ
ซึ่งประกอบด้วย
- ความรู้สึกเศร้า เสียใจ หมดหวัง กังวล และกระวนกระวาย
- มีอาการร่วม ได้แก่ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย
เฉื่อยชา หรือ กระวนกระวาย
ขาดความสนใจในการงาน เก็บตัว ขาดสมาธิ เลื่อนลอย
และคิดถึงแต่เรื่องความตายค่ะ
ระยะที่ให้การรักษา เป็นที่ทราบกันดีว่า
การรักษาโรคมะเร็งมีวิธีการได้ต่างๆกัน ตั้งแต่การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด
และการฉาย รังสี ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ป่วยไม่ค่อยเข้าใจ
และกลัวต่อภาวะแทรกซ้อนมาก
ดังนั้นผู้ป่วยควรสอบถามแพทย์เกี่ยวกับวิธีการรักษาต่างๆ, ภาวะแทรกซ้อน
และวิธีการดูแลตนเองในระหว่างการรักษา
ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจยิ่งขึ้นค่ะ
ระยะติดตามการรักษา ระยะนี้ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะมีความสบายใจ
และมั่นใจมากขึ้นค่ะ เนื่องจากผลการรักษา
มักจะขจัดอาการต่างให้ดีขึ้นอย่างชัดเจน เช่น อาการปวด หอบเหนื่อย
หรืออาการทางระบบประสาท เช่น แขนขาอ่อนแรง
ในระยะนี้ผู้ป่วยมักจะมีความสบายใจมากขึ้น
แต่ก็มีความกังวลใจเกี่ยวกับการกลับเป็นใหม่ หรือ การกระจายของโรค
ดังนั้นจึงมักจะแสวงหาสิ่งอื่น ๆ มาเสริมสร้างกำลังใจ เช่น การใช้ยาสมุนไพร
ตลอดจนยาพระ ยาหม้อ เป็นต้น
ระยะสุดท้าย ระยะนี้ผู้ป่วยจะท้อแท้เป็นที่สุด
บางครั้งมีความรู้สึกอยากตาย บางครั้งรู้สึกไม่อยากตาย
รู้สึกยังมีสิ่งที่ยังไม่ได้จัดการอีกมาก
ดังนั้นการกระทำใดๆที่สามารถกระทำให้ผู้ป่วย รู้สึกพึงพอใจเป็นสิ่งสำคัญ
จะเป็นการปรับตัวและจิตใจ
นำไปสู่การดูแลผู้ป่วยที่ดีขึ้นได้ค่ะ
-------------------------------------- |