การเพาะเชื้อจาก
cerebral spinal fluid (CSF) และ body fluids (pleural, joint, peritoneal)
ในคนปกติสิ่งส่งตรวจเหล่านี้เป็นส่วนที่ปลอดเชื้อ
(sterile) เช่นเดียวกับเลือด ไม่มีเชื้อประจำถิ่น ดังนั้นการเก็บสิ่งส่งตรวจจำเป็นต้องระวังเรื่อง
aseptic technique เพราะการปนเปื้อนที่เกิดจากวิธีเก็บไม่ถูกต้อง ทำให้แปลผล ผิดพลาด
มีผลต่อการรักษา
การรายงานผล : ขั้นตอนการตรวจสอบเพาะเชื้อจากสิ่งส่งตรวจรวมทั้งเชื้อ aerobe และ
anaerobe เมื่อพบว่ามีเชื้อ จะรายงานผลชนิดของเชื้อ และ
ความไวของเชื้อ ต่อยา ต้านจุลชีพ
การเพาะเชื้อจากปัสสาวะ (urine)
1. การรายงานผล Mid-stream urine
1.1ไม่มีเชื้อขึ้นรายงาน
"Less than 103 CFU/ml"
1.2 เชื้อขึ้นน้อยกว่า 5 x 104 CFU/ml รายงานปริมาณและลักษณะเชื้อที่พบตาม
gram stain (ยกเว้นกรณีที่บอกชนิดได้จากการดูลักษณะ colony ประกอบกับ gram
stain เช่น Corynebacterium spp และ Staphylococcus spp เป็นต้น
จึงจะบอกชื่อเชื้อ)
1.3 เชื้อขึ้น 5 x 104 - 105 CFU/ml หนึ่งหรือสองชนิด
รายงานปริมาณ ชื่อเชื้อ และความไว ของเชื้อต่อยาต้านจุลชีพ
ถ้าพบมากกว่าสองชนิดรายงานMixed bacterial growth about 104-105 CFU/ml
1.4 เชื้อขึ้นมากกว่าหรือเท่ากับ 105 CFU/ml หนึ่งหรือสองชนิด รายงานปริมาณ
ชื่อเชื้อและ ความไวต่อยาต้านจุลชีพ หากพบตั้งแต่ 3 ชนิดขึ้นไปรายงาน Mixed
bacterial growth more than 105 CFU/ml
หมายเหตุ : การวินิจฉัยว่าเป็น UTI (cystitis, pyelonephritis) ถึงแม้มีปริมาณเชื้อน้อยกว่า
5x104 CFU/ml จะรายงานชื่อเชื้อและความไวของเชื้อต่อยาต้านจุลชีพ
2. การรายงานผล Catheterized urine หรือ suprapubic aspiration สิ่งส่งตรวจนี้จัดเป็น
บริเวณปลอดเชื้อ หากติดเชื้อแม้เพียง 1 colony ถือว่ามีนัยสำคัญ รายงานปริมาณเชื้อ
ชื่อเชื้อ และความไวต่อยาต้านจุลชีพ ทั้งนี้ ควรเก็บสิ่งส่งตรวจด้วยวิธี
aseptic technique เพื่อไม่ให้แปลผลผิดพลาดจากการปนเปื้อนในการเก็บ ไม่มีเชื้อขึ้นรายงาน
No growth
การเพาะเชื้อจากอุจจาระ
(stool หรือ rectal swab)
สิ่งส่งตรวจนี้จะพบเชื้อประจำถิ่นได้ในคนปกติ จำเป็นต้องใช้อาหารเลี้ยงเชื้อพิเศษ
เพาะเชื้อเพื่อแยกเชื้อก่อโรค เชื้อก่อโรคที่พบได้แก่ Salmonella spp.,
Shigella spp., Vibrio spp. (V. cholerae และ V.
parahaemolyticus), Aeromonas spp.
กรณีย้อม AFB จาก stool รับตรวจเฉพาะผู้ป่วยที่มีผล HIV positive เท่านั้น
การรายงานผล รายงานชนิดของเชื้อก่อโรคและ ผลความไวของเชื้อต่อยาต้านจุลชีพ
ถ้าไม่พบรายงาน Non-enteropathogenic bacteria
การเพาะเชื้อ
anaerobe
ควรระบุ diagnosis ในใบ request และรายละเอียดอื่น ๆ เพื่อประโยชน์ในการทดสอบ
ซึ่งโอกาสที่พบเชื้อมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการเก็บที่ถูกตำแหน่งและวิธี ไม่ควรใช้ไม้พันสำลี
(swab) เพราะเชื้อ anaerobeจะตายง่ายเมื่อสัมผัสกับอากาศ สิ่งส่งตรวจที่ไม่ควรส่งเพาะเชื้อ
anaerobe คือ sputum, throat swab, urine, vaginal swab และ stool/ rectal swab
(ยกเว้นสงสัย C. difficile หรือ Campylobacter)
การรายงานผล การเพาะเลี้ยงเชื้อ anaerobeใช้เวลา 3-5 วัน หากมีเชื้อหลายชนิด อาจต้อง
ใช้เวลาเพิ่มในการพิสูจน์ชนิดของเชื้อ จะรายงานเบื้องต้นว่ามีเชื้อ anaerobe ขึ้น
โดย รายงานลักษณะ gram stain ของเชื้อ รายงานทั้ง
anaerobe และ aerobe ถ้าไม่มีเชื้อขึ้นจะตรวจสอบทุกวันทั้ง 10 วัน ไม่พบเชื้อรายงาน
No anaerobic bacterial growth ถ้าเชื้อขึ้นรายงานชนิดของเชื้อและความไวต่อยาต้านจุลชีพ
การเพาะเชื้อรา
(fungus) และตรวจหาเชื้อราโดยวิธี KOH preparation
การรายงานผล
1. การเพาะเชื้อรา รายงานชนิดของเชื้อที่พบ ถ้าไม่มีเชื้อขึ้นจะเก็บไว้จนครบ
2 สัปดาห์ ก่อนรายงานผลว่า No fungal growth
2. การตรวจ KOH ถ้าพบเชื้อรารายงาน ลักษณะสายราและปริมาณเชื้อที่พบ
กรณีไม่พบเชื้อรายงาน Not found ผลจะได้รับภายในวันที่ส่งตรวจ
หากรอรับผลทันที ให้เขียนในใบ request ว่ารอรับผล เพื่อจะได้ทดสอบให้ก่อนเป็นกรณีพิเศษ
การทดสอบ
MIC และ MBC
Minimum inhibitory concentration (MIC) และ Minimum bactericidal
concentration (MBC) สำหรับเชื้อที่แยกได้จากสิ่งส่งตรวจ เพื่อหาความเข้มข้นของ
ยาต้านจุลชีพที่น้อยที่สุดในการยับยั้งหรือฆ่าเชื้อตามลำดับ แพทย์ผู้รักษาจะพิจารณา
ความเหมาะสมในการทดสอบ MIC และ MBC ขอให้ติดต่อ เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการล่วงหน้า
เพราะเชื้ออาจถูกทิ้งไปก่อนหรือเชื้อจะ subculture ก่อนการทดสอบ แต่ถ้ามีเชื้ออยู่จึงส่งใบ
request ได้
การทดสอบ antimicrobial activity (serum inhibitory titer, SIT และ serum bactericidal titer, SBT) ติดต่อเจ้าหน้าที่ล่วงหน้า เพื่อรับหลอดเก็บเลือดก่อนและหลังให้ยาต้านจุลชีพ ใส่หลอดแก้ว ปราศจากเชื้อ อย่างละ 1 หลอด ๆ ละ 10 ml. นำส่งห้องปฏิบัติการพร้อมใบ request ที่กรอกรายละเอียดชัดเจน