คำแนะนำการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ใบขอเลือด (request form)
ผู้กรอกข้อความควรเป็นแพทย์ โดยกรอกรายละเอียดอย่างสมบูรณ์ชัดเจน การขอเลือดทุกครั้งต้องเขียน
Diagnosis และ Clinical indication ลงลายมือชื่อตัวบรรจงและรหัสแพทย์ หากรายละเอียดไม่ครบถ้วน
คลังเลือดจะส่งคืนให้แก้ไขและไม่รับการขอเลือดด้วยวาจา
ตัวอย่างเลือดจากผู้ป่วย
(blood sample)
1. เจาะด้วย syringe ที่แห้งใส่หลอดแก้วขนาด 13 x 100 มม. ไม่มีน้ำยากันเลือดแข็ง
2. หลอดใส่เลือดควรติดสติกเกอร์ ระบุชื่อ-นามสกุล H.N. และหอผู้ป่วยก่อนเจาะเลือด
3. ปริมาณเลือดที่ใช้
3.1 เด็กอายุ 3 ปีขึ้นไปหรือผู้ใหญ่ ควรเจาะจากหลอดเลือดดำประมาณ
5-7 มล.
3.2 เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ให้ใส่ capillary tube (red tip)
4-5 หลอด
ติดสติกเกอร์ระบุชื่อ นามสกุล
H.N. และหอผู้ป่วย
3.3 เด็กแรกคลอดสงสัย hemolytic disease of the newborn ใช้เจาะวิธีเดียวกับ
2.3.2
4 การขอเลือดซ้ำ ควรส่งตัวอย่างเลือดทุกครั้ง (ยกเว้นขอต่อเนื่อง ให้ส่งตัวอย่างวันละ
1 ครั้ง)
การขอเลือด
1. ผู้ป่วยที่จะผ่าตัด ต้องขอล่วงหน้าก่อนผ่าตัด 1 วัน (ภายในเวลา 15.00 น. ของวันก่อนผ่าตัด)
2. ผู้ป่วยในควรขอเลือดระหว่างเวลา 08.30 - 15.30 น. หากส่งช่วงเช้าจะได้เลือดเร็วขึ้นและสามารถให้เลือดแก่ผู้ป่วยได้ในเวลากลางวัน
แต่ไม่ควรขอเลือดนอกเวลาราชการเพราะเจ้าหน้าที่อยู่เวรมีน้อย
3. ผู้ป่วย emergency ขอเลือดได้ทุกเวลา
4.
การขอเลือดเด็กแรกคลอดเพื่อ exchange transfusion ให้เจาะวิธีเดียวกับ 3.2 และส่งเลือดของแม่ไปทุกครั้ง
5. การขอ platelet concentrate เนื่องจากเกร็ดเลือดต้องเตรียมจากเลือดสด
ปัจจุบันมีจำนวนไม่เพียงพอกับผู้ป่วยและเป็นส่วนประกอบของเลือดที่มีอายุจำกัด
จึงควรติดต่อช่วงเช้า เพราะต้องรวบรวมเลือดและปั่นแยกเฉพาะรายที่ต้องใช้ผ่าตัดควรขอล่วงหน้า
2 วันและส่งญาติไปบริจาคเลือด
ขั้นตอนปฏิบัติสำหรับขอเกร็ดเลือด คือ
5.1 ส่งใบขอเลือดที่มี indication ผู้ป่วยครบถ้วน
5.2 ควรส่งก่อนเวลา 12.00 น. เพื่อจะได้เกร็ดเลือดทันใช้ในวันเดียวกัน
5.3 หากส่งแล้วไม่ได้รับในวันเดียวกัน ถ้าวันรุ่งขึ้นจำเป็นต้องใช้ขอให้แจ้งหน่วยคลังเลือดทางโทรศัพท์ก่อนเวลา
12.00 น. มิฉะนั้นถือว่าการขอถูกยกเลิกและผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องใช้
5.4 ผู้ป่วยที่ใช้เกร็ดเลือดในการผ่าตัด ให้ส่งใบขอล่วงหน้าอย่างน้อย
2 วัน และส่งญาติไป
บริจาคเลือด
5.5 นอกเวลาราชการ จะไม่มีการเตรียมเกร็ดเลือด
เนื่องจากเจ้าหน้าที่อยู่เวรมีจำนวนน้อย ยกเว้น กรณีจำเป็นขอให้โทรศัพท์ปรึกษาหัวหน้าหน่วยคลังเลือด
5.6 หากผู้ป่วยได้รับเลือดและทราบหมู่เลือดมาก่อนต้องการใช้
platelet concentrate อย่างเดียวไม่ต้องเจาะเลือดผู้ป่วย
5.7 การขอเกร็ดเลือดจาก single donor โดยใช้เครื่อง
cell separator ให้ติดต่อหัวหน้าหน่วยคลังเลือดเป็นรายๆ ไปและเขียนใบ
consult ซึ่งคลังเลือดจะแจ้งให้ญาติไปติดต่อ แต่ไม่ควรส่งญาติหรือผู้บริจาคไปก่อน
6. การขอ FFP ให้เขียนการวินิจฉัย ข้อบ่งชี้ ผล screening coagulogram และปริมาณ
FFP เป็นมล. (ไม่ควรขอ FFP ในการผ่าตัดทั่วไปให้ใช้ CRP
แทน)
7. การขอ cryoprecipitate ของผู้ป่วย hemophilia A ในหัตถการที่มีการนัดล่วงหน้า
เช่น ถอนหรืออุดฟัน elective surgery และอื่นๆ ให้นัดหมายกับหน่วยคลังเลือดล่วงหน้าอย่างน้อย
1 สัปดาห์ เพื่อจะเตรียม cryoprecipitates ให้เพียงพอสำหรับผู้ป่วยรายนั้นจนครบ
course กรณีผู้ป่วยทราบหมู่เลือดแล้วหรือจอง cryoprecipitates อย่างเดียวติดต่อกันหลายวัน
ไม่ต้องเจาะส่งตัวอย่างเลือด
8. ขอเลือด uncrossmatch ใช้เฉพาะรายที่จำเป็นและแพทย์ผู้ขอต้องรับผิดชอบต่ออันตรายซึ่งอาจเกิดขึ้นแก่ผู้ป่วยทุกกรณี
รายละเอียดในข้อปฏิบัติการขอเลือดฉุกเฉิน
9. การขอเลือดทุกครั้ง หน่วยคลังเลือดจะจองเลือดไว้ให้ 24 ชั่วโมง เพื่อให้มีเลือดหมุนเวียนเพียงพอ
การทำ
crossmatching
1. ใช้เวลาทำ crossmatching (turn around time) รายละประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ถ้าเกิดปัญหาอาจนานกว่านี้
ซึ่งหน่วยคลังเลือดจะแจ้งเป็นรายๆ ไปหรือสอบถามได้ทางโทรศัพท์
2. เลือดทำ crossmatching แล้ว พร้อมจะให้ผู้ป่วย ต้องมีใบคล้องผูกติดกับยูนิตที่ขอทุกชนิด
การทำ
autologous transfusion
หน่วยคลังเลือดส่งเสริมมากขึ้น
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการติดเชื้อจากเลือดของผู้อื่น ก่อนทำขอให้แพทย์ตรวจสุขภาพเบื้องต้นของผู้ป่วย
จึงส่งผู้ป่วยพร้อมใบทำ autologous blood donation พบแพทย์/คลังเลือดก่อนผ่าตัดหรือติดต่อล่วงหน้าที่โทร.0-7445-1575
(รายละเอียดในใบขอทำ antologous blood donation)
วิธีรับเลือด
1. เจ้าหน้าที่หอผู้ป่วยนำกระติกบรรจุเลือดและสมุดรับเลือด หรือหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร
ประกอบ ด้วยชื่อ- นามสกุล ผู้ป่วย H.N. ชนิดของเลือด
จำนวนยูนิตหรือซีซี แจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยคลังเลือด ทั้งนี้เพื่อป้องกันความผิดพลาด
ในการ จ่ายเลือด
2. ถ้าต้องการทราบว่าเลือดที่ขอได้เรียบร้อยหรือไม่ ให้ตรวจสอบจาก computer
จะมีข้อความready เจ้าหน้าที่สามารถไปรับได้ โดยไม่ต้องโทรศัพท์ยืนยัน
3. เลือดที่จองไว้ผ่าตัด เจ้าหน้าที่คลังเลือดนำส่งห้องผ่าตัดเวลา 08.30
น. รับคืนเวลา 15.00 น.ทุกวันราชการ นอกเหนือ เวลาดังกล่าวให้ห้องผ่าตัดจัดเจ้าหน้าที่ไปรับเลือด
4. นำเลือดออกจากคลังเลือดเมื่อพร้อมที่จะให้ผู้ป่วยเท่านั้น หากนำเลือดไปแต่ไม่พร้อมจะให้ผู้ป่วยภายใน
4 ชั่วโมง ควรฝากเก็บไว้ในตู้เย็นของคลังเลือดก่อน ส่วนเกร็ดเลือดให้ส่งคืนทันที
ซึ่ง PRC เก็บที่ตู้เย็น 4?C และ plasma เก็บในตู้แช่แข็ง
5. ผู้ป่วยเลื่อนผ่าตัด ให้ผู้รับผิดชอบแจ้งเลื่อนผ่าตัดและจองเลือดกับคลังเลือดทางโทรศัพท์หรือลายลักษณ์อักษร
สามารถเลื่อนจองเลือดได้ 1 วัน ยกเว้นกรณีพิเศษ เช่น หมู่เลือดหายาก
เป็นต้น
การคืนเลือด
1. คืนเลือดเมื่อไม่พร้อมจะให้ผู้ป่วย แต่ถ้าต้องการใช้ จะต้องแจ้งคลังเลือดเพื่อเก็บเลือดนั้นไว้
ไม่ควรเกิน 24 ชั่วโมง
2. กรณีแทงชุดให้เลือดเข้าถุงเลือดไม่ว่าจะให้เลือดผู้ป่วยไปแล้วหรือไม่ได้เริ่มต้น
ถ้าคืนถุงเลือดห้ามดึงชุดให้เลือดออก ให้ส่งคืนพร้อมชุดให้เลือดที่ค้างอยู่กับถุง
(คลังเลือดจะไม่นำยูนิตนั้นไปใช้อีก)
การอุ่นเลือด
การให้เลือดจำนวนน้อยและไม่เร็วเกินไป จึงไม่ต้องอุ่นเลือด ถ้าจำเป็นให้อุ่นด้วยน้ำประปาหรือน้ำอุ่นที่วัดอุณหภูมิแน่นอนด้วยเทอร์โมมิเตอร์ไม่เกิน
37?C ถ้า warm เลือดแล้วต้องคืนเลือด ให้แจ้งคลังเลือดเป็นลายลักษณ์อักษร คลังเลือดจะไม่เก็บไว้ใช้ต่อไป
การให้เลือดผู้ป่วย
1. ก่อนให้เลือด ตรวจชื่อ-นามสกุล H.N.ที่ใบคล้องโดยสอบถามกับผู้ป่วยให้ตรงกัน
กรณีผู้ป่วยไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ให้พยาบาลประจำหอผู้ป่วยเป็นผู้
identify
2. ตรวจสอบชื่อและเบอร์ donor ที่ใบคล้องกับถุงเลือดให้ถูกต้องตรงกัน
3. ตรวจสอบหมู่เลือดของผู้ป่วย และ donor ที่ถุงเลือดว่าเป็นหมู่ตรงกันหรือเข้ากันได้
4. แจ้งคลังเลือดทุกครั้งที่ผู้ป่วยมี complication จากการให้เลือดและเจาะเลือดผู้ป่วยประมาณ
5 มล. จดบันทึกด้านหลัง ใบคล้องเลือด นำส่งคลังเลือดพร้อมถุงเลือดและชุดให้เลือดเพื่อหาสาเหตุของปฏิกิริยา
การย้ายหอผู้ป่วย ให้พยาบาลหอผู้ป่วยเดิมแจ้งชื่อหอผู้ป่วยใหม่กับคลังเลือด
การขอเลือดทดแทนจากญาติ
เนื่องจากเลือดไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นได้เองในห้องปฏิบัติการ
แหล่งของเลือดจึงมาจากผู้บริจาคเท่านั้น คลังเลือดขอความร่วมมือจากแพทย์ พยาบาล
และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องชักชวนให้ญาติของผู้ป่วย ไปบริจาคเลือดทดแทน ตั้งแต่เวลา
08.30 - 16.30 น.ของทุกวัน ทั้งนี้สามารถนำเลือดที่เจาะจากโรงพยาบาลอื่นๆ มาทดแทนได้
หากไม่สะดวก จะให้ผู้บริจาคไปที่คลังเลือด เลือดที่นำมาควรมีอายุการใช้งานไม่น้อยกว่า
7 วัน เนื่องจากต้องตรวจโรคติดเชื้อ บางอย่าง เพิ่มเติม เช่น ไวรัสตับอักเสบชนิด
ซี และ HIV antigen เป็นต้น ส่วนผู้ป่วยที่ขอเกร็ดเลือดให้ติดต่อหน่วยคลังเลือดก่อน
เพื่อรับคำแนะนำในการเจาะและขนส่งเลือด
ข้อปฏิบัติในการขอเลือดกรณีฉุกเฉิน
เมื่อพิจารณาความเร่งด่วนการใช้เลือดของผู้ป่วยมีขั้นตอน การขอและเตรียมเลือดดังนี้
1. ผู้ป่วยทั่วไปรอได้มากกว่า 2 ชั่วโมง จะขอเลือด PRC ได้ complete crossmatch
ให้ส่ง blood sample พร้อมใบ request ไม่ต้องระบุความเร่งด่วนของความต้องการ
2. ผู้ป่วยเร่งด่วนรอได้ประมาณ 1 ชั่วโมง ขอเลือดได้ complete crossmatched ให้ส่ง
blood sample พร้อมใบ request ระบุความเร่งด่วนของความต้องการ
3. กรณีผู้ป่วยหนักและสามารถรอได้ประมาณ 10 นาที (นับจาก specimen ถึงหน่วยคลังเลือด)
ให้โทรศัพท์แจ้งและส่งใบ request ระบุความเร่งด่วนพร้อมกับ blood
sample จะได้รับ partially crossmatched PRC ถ้าผลการทด สอบผิดปรกติคลังเลือดจะแจ้งทางโทรศัพท์ภายหลัง
ซึ่งจะให้เลือดตรงกับ group ผู้ป่วยหรือ PRC group O เมื่อเลือดgroup
เดียวกันไม่มี
4. ผู้ป่วยหนักมาก รอไม่ได้ ให้โทรศัพท์แจ้งคลังเลือด เตรียม uncrossmatched group
O packed red cell โดยส่งเจ้าหน้าที่นำใบ request ที่มีลายเซ็นต์แพทย์ไปรับเลือดทันที
(ใบ request ฉุกเฉินสีฟ้า) ขอให้ ส่งเลือดผู้ป่วย อย่างเร็วที่สุดเพื่อทำ
crossmatch ภายหลัง หากผล crossmatch มีปัญหาคลังเลือด จะโทรศัพท์แจ้งหยุดเลือด
และจ่าย unit ที่ผ่าน ถ้าต้องการเลือด กรณีผู้ป่วยได้เลือด group
O uncrossmatch blood แล้ว ให้ส่ง blood sample
ใหม่เมื่อขอเลือดเพิ่ม โดยคลังเลือดพิจารณาใช้ตามหมู่เลือดผู้ป่วยหรือ group O
ต่อแล้วแต่ สถานการณ์ เช่น
4.1 ทำ crossmatch ตามหมู่เลือดผู้ป่วยไม่ผ่าน ให้ PRC group
O ต่อ
4.2 ผู้ป่วยใช้เลือดมาก แต่หมู่เลือดของผู้ป่วยมีจำนวนน้อย ให้ใช้
PRC group O
4.3 มีเลือดหมู่เดียวกับผู้ป่วยมาก ผล crossmatch ผ่าน จะเปลี่ยนกลับไปใช้หมู่เลือดเดิม
สำหรับผู้ป่วยที่มีความเร่งด่วนในการใช้เลือดและเสียเลือดมากจากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่จากเกร็ดเลือดหรือ
coagulopathy ควรขอเลือดฉุกเฉินเฉพาะ
PRC ก่อน เพื่อจะเตรียมเลือดได้อย่างรวดเร็วที่สุด จึงพิจารณาขอ blood
component ชนิดอื่นตามความเหมาะสมทางคลินิกหลังจากได้ประเมินผู้ป่วยแล้ว
การทำ
Apheresis
ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้ apheresis technique เช่น plateletpheresis leukapheresis,
plasma exchange เป็นต้น ให้ส่งใบ consult ที่คลังเลือด เพื่อพิจารณาความเหมาะสมและนัดเวลาทำ
apheresis กับหอผู้ป่วยต่อไป
การตรวจ
Tissue Type (HLA)
ผู้บริจาคอวัยวะหรือไขกระดูกที่ส่งตรวจ HLA typing ต้องผ่านการตรวจหมู่เลือดและตรวจเชื้อต่างๆ
เช่นเดียวกับผู้บริจาคโลหิตและแพทย์เห็นว่าเหมาะสมมีขั้นตอน คือ
1. ส่งใบ request ทำ HLA typing หรือ crossmatching โดยแพทย์หรือตัวผู้ป่วยเอง
2. นัดหมายกับคลังเลือดล่วงหน้า เพื่อกำหนดวัน เวลาเจาะเลือด
3. ผู้ป่วยและ/หรือผู้บริจาคพร้อมกันที่คลังเลือดตามวันนัด ภายในเวลา 10.00 น.
4. ผู้ป่วยนอกชำระค่าตรวจที่ OPD. Lab.
5. การเจาะเก็บเลือด
5.1 ตรวจ HLA typing : ใช้ ACD blood 50 มล. และ Clotted blood
5 มล.
5.2 ตรวจ HLA crossmatch กรณีมี Ab ต่อ platelet แล้ว : ใช้
ACD blood 10 มล. และ clotted blood 5 มล.
5.3 ผู้ป่วยใน ขอให้เจ้าหน้าที่ประจำหอผู้ป่วยเป็นผู้เจาะเลือด
โดยใช้หลอดใส่เลือดจากคลังเลือด
6. คลังเลือดจะแจ้งผลแก่แพทย์ผู้รักษาภายใน 1 สัปดาห์
การตรวจ
leukemia immunophenotyping และ stem cells (CD34)
ส่งใบ request พร้อมเลือดหรือ bone marrow จำนวน 0.5 2 มล. โดยเก็บใน heparipized
blood
หรือ EDTA blood จะรายงานผลประมาณ 1 สัปดาห์
กรณีการส่งตรวจที่ไม่ได้เปิดบริการและส่งต่อไปกรุงเทพฯ ควรติดต่อหัวหน้าหน่วยคลังเลือดหรือเจ้าหน้าที่คลังเลือดก่อนเพื่อชี้แจงวิธีเก็บ
specimen และรายละเอียดเกี่ยวกับ clinical indication ในการส่งตรวจ