ความสำคัญของธาตุเหล็กที่มีต่อการบริจาคโลหิต |
ธาตุเหล็กสำคัญต่อการสร้างโลหิต |
|
โภชนาการของท่านในวันนี้อาจจะไม่เหมาะสมหรือไม่เพียงพอ ที่จะเป็นผู้บริจาคโลหิตที่มีคุณภาพ ได้เพราะเหตุว่าท่านอาจได้รับธาตุเหล็กจากอาหารยังไม่เพียงพอ โปรดสำรวจดูว่าท่านได้ปฏิบัติตัวให้เหมาะสม ที่จะเป็นผู้บริจาคประจำในระยะยาวได้หรือไม่ โดยไม่ประสบปัญหาเกิดภาวะขาดธาตุเหล็ก และโลหิตจางเสียก่อน และปฏิบัติตัวอย่างไรจึงจะดี ร้อยละ 70 ของธาตุเห็กในร่างกาย อยู่ในเม็ดโลหิตแดงในรูปที่เรียกว่า ฮีโมโกลบิน เมื่อเม็ดโลหิตแดงมีอายุประมาณ 160 วัน ก็จะสลายไป ส่วนธาตุเหล็กที่ออกจากเม็ดโลหิตแดง จะถูกนำกลับมาใช้ใหม่ หรือเก็บสะสมไว้ในร่างกายถึงร้อยละ 97 |
ยาธาตุเหล็กสำหรับผู้บริจาคโลหิต |
โดยปกติร่างกายจะเสียธาตุเหล็กจากการหลุดลอกของเซลล์ผนังลำไส้ และเซลล์อื่นๆไปเป็นปริมาณที่น้อยมาก คือประมาณ 1 มล./วันในผู้ชาย และ 1.5 มล. /วันในผู้หญิง (เท่ากับที่ได้รับจากอาหาร) การมีประจำเดือน แต่ละเดือน ผู้หญิงจะสูญเสียธาตุเหล็กประมาณ 30-40 มล. ส่วนการบริจาคโลหิตแต่ละครั้ง จะสูญเสียธาตุเหล็กประมาณ 150- 200 มล. ซึ่งการสูญเสียธาตุเหล็กดังกล่าว จะสามารถป้องกันและแก้ไขได้ จากการศึกษาในผู้บริจาคโลหิตที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย พบว่าส่วนใหญ่ ถึงร้อยละ 40 ของผู้ที่ไม่สามารถบริจาคได้ทั้งๆที่อยากบริจาคและดูแข็งแรงดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิงมีสภาวะโลหิตจาง หรือ ความเข้มข้นของโลหิตไม่เพียพอ เมื่อเจาะโลหิต 1 หยดจากปลายนิ้ว หยดลงไปในน้ำยาสีฟ้าซึ่งเป็นน้ำยา ตรวจความ เข้มข้นของโลหิต หยดโลหิตจะลอยอยู่หรือจมลงช้าๆ ซึ่งหมายความว่าความเข้มข้นของโลหิตน้อยกว่า 13 กรัม /ดล. ในผู้ชาย ถ้าความเข้มข้นของโลหิตเพียงพอ หยดโลหิตจะจมลงทันที สำหรับผู้บริจาคโลหิตทุกท่าน ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติจะจัดยาเม็ดธาตุเหล็ก "เฟอร์รัลซัลเฟต" ให้กับผู้บริจาค โลหิตทุกท่าน ผู้หญิงรับประทาน 30 วัน วันละ 1 เม็ด ผู้ชายรับประทาน 15 วัน วันละ 1 เม็ด หลังอาหารเย็น การรับ ประทานยานี้อาจมีอุจจาระสีดำ เพราะธาตุเหล็กส่วนใหญ่ไม่ถูกดูดซึม และทำปฏิกิริยา กับก๊าซออกซิเจน และกรด ในกระเพาะอาหารและลำไส้ จึงขอเน้นให้ผู้บริจาคโลหิตทุกท่านกินยาเม็ดธาตุเหล็กจนหมดที่มอบให้ไป ดังนั้นเพื่อเป็นการรักษาสภาวะสมดุลย์ของร่างกาย ให้สามารถบริจาคโลหิตได้ทุกสามเดือน ตลอดไปจนถึงอายุ 60 ปี ผู้บริจาคโลหิตจึงควรบริจาคโลหิต ในขณะที่รู้สึกว่าร่างกายของตนสมบูรณ์เท่านั้น ไม่ควรฝืนใจบริจาคโลหิต ทั้งๆที่รู้สึกว่าร่างกายของตนไม่ปกติ หลังจากบริจาคโลหิตแล้ว ควรรับประทานอาหารให้ถูกส่วนและที่มีธาตุเห,้กสูง หากท่านปฎิบัติตัวตามคำแนะนำดังกล่าวข้างต้น ท่านจะไม่เกิดภาวะโลหิตจางอย่างแน่นอน โลหิตของท่าน จะมี ความเข้มข้นทุกครั้งที่มาบริจาค ระบบโลหิตในร่างกายมีโลหิตใหม่ที่มีคุณภาพหมุนเวียนทดแทน โลหิตเก่าที่ออกไป ส่งผลให้เป็นผู้ที่มีผิวพรรณสดใส ไม่อ่อนเพลีย มีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์แข็งแรงดีตลอดไป |