ความรู้เรื่องของหมู่โลหิต |
||
ความสำคัญของโลหิต | ||
โลหิตในร่างการเรามีหน้าที่หลายอย่าง คือเม็ดโลหิตแดง มีหน้าที่ขนส่งก๊าซออกซิเจนจากการหายใจเข้า และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ออกจากร่างกาย เมื่อหายใจออก น้ำพลาสมา มีหน้าที่ในการขนส่งอาหาร โดยการดูดซึม สารอาหารจากกระเพาะ อาหารและ ลำไส้เข้าสู่กระแสโลหิต แล้ว ไหลเวียนส่งต่อให้เซลล์เนื้อเยื่อ ของอวัยวะทั่วร่างกายตลอดจน นำสารคัดหลั่งฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อ ให้สามารถส่งต่อไปยังอวัยวะต่างๆ ที่ต้องการ สารสังเคราะห์ชนิดนั้นๆ นอกจากนี้โลหิตยังมีหน้าที่รักษาดุลย์ของน้ำและเกลือแร่ รวมทั้งปรับระดับอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่ ด้วยการไหลเวียน ของโลหิตไป ทั่ว ร่างกาย |
||
ความหมายของหมู่โลหิต |
||
หมู่โลหิตหมายถึง สารชีวเคมีพวกไกลโคโปรตีน หรือไกลโคไลปิค ที่ร่างกายสร้างขึ้น และปรากฏบนผิวเม็ด โลหิตแดง อาจพบบนเซลล์เนื้อเยื่อ ต่างๆ ของร่ากายเช่น ผม ผิวหนัง ในโลหิตบางหมู่ เช่น ABH หรืออาจพบในพลาสม่า หรือน้ำคัดหลั่งในโลหิตบางหมู่ |
||
ความสำคัญของหมู่โลหิต |
||
ในปัจจุบันทุกท่านควรทราบว่า ตนเอง มีหมู่โลหิตอะไร เพราะมีความสำคัญอย่างมากต่อการรับโลหิต และการบริจาคโลหิต ในกรณีเร่งด่วน ฉุกเฉินโดย สรุปแล้วมีดังนี้ |
||
1. เป็นลักษณะจำเพาะที่พบบนเม็ดโลหิต ทำให้แบ่งเป็นหมู่ต่างๆกันไปในแต่ละบุคคล | ||
2. สามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดี ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดปฏิกิริยาจากการรับโลหิตผิดหมู่ได้ | ||
3. ถ่ายทอดทางพันธุกรรมโดยการควบคุมของยีน จึงใช้เป็นหลักฐานพิสูจน์ทางนิติเวช และใช้ศึกษาการสืบเชื้อสายของเหล่าพันธุ์มนุษย์ได้ |
||
หมู่โลหิตสามารถจำแนกได้มากมายหลายระบบ ซึ่งมากกว่า 20 ระบบ ระบบหมู่โลหิตที่สำคัญที่มนุษย์ทุกคนควรทราบได้แก่ หมู่โลหิตระะบบ ABO และระบบ Rh |
||
หมู่โลหิตระบบ ABO |
||
การค้นพบหมู่โลหิตระบบนี้เริ่มในปี คศ.1900 โดยคาร์ล แลนด์ สไตเนอร์ ได้ทดลองเจาะโลหิตของผู้ร่วมงานจำนวน 6 คน แล้วนำมาแยก เม็ด โลหิตแดง และน้ำเหลืองออกจากกัน ต่อจากนั้นได้นำเม็ดโลหิตแดงและน้ำเหลืองของแต่ละคนมาทำปฏิกิริยาสลับกันไปมา ปรากฏว่า บางคู่ ู่เกิดปฏิกิริยา จับกลุ่ม บางคู่ก็กลืนเป็นเนื้อเดียวกัน จากปรากฏการณ์นี้ต่อมาในปี คศ.1901 คาร์ลแลนด์ สไตเนอร์ จึงสรุปผลการทดลองค้นคว้าว่าโลหิตแบ่งออกเป็น 3 หมู่ คือ A,B และ O สำหรับหมู่ที่ 4 คือ AB พบโดย วอนเคอ คาสติโล และสเตอลิ ในปี คศ. 1902 | ||
การจำแนกหมู่โลหิตในระบบ ABO |
||
จะมีสารชีวเคมี (Antigen) เป็นตัวจำแนกหมู่โลหิต คือ แอนติเจน A(Antigen-A) และแอนติเจน-บี (Antigen-B) เป็นตัวกำหนดกล่าวคือ | ||
หมู่โลหิต A คือหมู่โลหิตที่มีแอนติเจน-เอ (Antigen-A) อยู่ที่ผิวของเม็ดเลือดแดงและมีแอนติบอดี-บี (Antibody-B) อยู่ในน้ำเหลือง | ||
หมู่โลหิต B คือหมู่โลหิตที่มีแอนติเจน-บี (Antigen-B) อยู่ที่ผิวของเม็ดเลือดแดงและมีแอนติบอดี-เอ (Antibody-A) อยู่ในน้ำเหลือง | ||
หมู่โลหิต O คือหมู่โลหิตที่ ไม่มีแอนติเจน-เอ (Antigen-A) และแอนติเจน-บี (Antigen-B) อยู่ที่ผิวของเม็ดเลือดแดง แต่มีแอนติบอดี-เอ(Antibody-A) และมีแอนติบอดี-บี (Antibody-B) อยู่ในน้ำเหลือง | ||
้ หมู่โลหิต AB คือหมู่โลหิตที่มีแอนติเจน-เอ (Antigen-A) และแอนติเจน-บี (Antigen-B) อยู่ที่ผิวของเม็ดเลือดแดง แต่ในน้ำเหลือง ไม่มีแอนติบอดี-เอ(Antibody-A) และแอนติบอดี-บี (Antibody-B) | ||
ี่ | ||
การถ่ายทอดหมู่โลหิตระบบ ABO ของพ่อ แม่ ลูก ที่เป็นไปได้ |
||
หมู่โลหิตของพ่อ | หมู่โลหิตของแม่ | หมู่โลหิตของลูกที่เป็นไปได้ |
O | O | O |
O | A | O หรือ A |
O | B | O หรือ B |
O | AB | A หรือ B |
A | A | A หรือ O |
A | B | O หรือ A หรือ B หรือ AB |
A | AB | A หรือ B หรือ AB |
B | B | B หรือ O |
B | AB | A หรือ B หรือ AB |
AB | AB | A หรือ B หรือ AB |
จะเห็นได้ว่าหมู่โลหิตของลูกไม่จำเป็นต้องเหมือนหมู่โลหิตของพ่อ และแม่เสมอไปแต่เนื่องจากหมู่โลหิตมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม การตรวจสอบหมู่โลหิตจึงมีประโยชน์ในการตรวจสอบความเป็นพ่อแม่ลูก | |||
หมู่โลหิตระบบ Rh |
|||
หมู่โลหิตของมนุษย์เรานอกจากจะมีระบบ ABO แล้ว ยังมีหมู่โลหิตอีกระบบหนึ่งที่มีความสำคัญเรายังรู้จักกันน้อย คือหมู่โลหิตระบบอาร์เอช (Rh) การค้นพบหมู่โลหิตระบบ Rh นั้น ในปี คศ.1939 มีนักวิทยาศาตร์ 2 คน ชื่อ เลอวิน และ ลีแวน เวล สเต็ดสัน ได้พบว่า หลังจากที่ทำการถ่ายโลหิต ให้สตรีผู้หนึ่ง ซึ่งเสียโลหิตจากการคลอดบุตรที่ตายในครรภ์นั้น มีปฏิกิริยากับน้ำเหลืองของมารดา ทำให้เม็ดโลหิตแดงของบุตรแตก ในตอนนั้นเข้าใจว่า สตรีผู้นั้นได้รับสารชนิดหนึ่งซึ่งมีลักษณะต่างจากเม็ดโลหิตแดงของลูก ต่อมาในปี คศ.1940 มีนักวิทยาศาสตร์อีก 2 คน คือ คาร์ล แลนด์ สไตเนอร์ ร่วมกับ อเล็กซานเดอร์ วินเนอร์ ทำการทดลองฉีดเม็ดโลหิตแดงของลิง และยังทำปฏิกิริยากับเม็ดโลหิตแดงของคนทั่วไปอีกจำนวน 84 % ต่อมาภายหลัง ได้พบ ปรากฏการณ์เช่นนี้อีกในคน 3 คน ที่ได้รับโลหิตหมู่ ABO ที่ตรงกัน จึงเชื่อว่าเกิดจากโลหิตหมู่พิเศษ นอกเหนือไปจากหมู่โลหิต ABO และได้ตั้ง หมู่ ู่โลหิตนี้ว่า อาร์เอช (Rh) | |||
การจำแนกหมู่โลหิตระบบ Rh |
|||
จะมีสารโปรตีนที่อยู่บนผิวของเม็ดเลือดแดง ซึ่งเรียกว่า แอนติเจน-ดี (Antigen-D) เป็นตัวบ่งบอกหมู่โลหิตระบบ Rh(D) แบ่งออกเป็น 2 หมู่คือ | |||
1. หมู่โลหิต Rh บวก (Rh positive) คือหมู่โลหิตที่มีแอนติเจน-ดี (Antigen-D) อยู่ที่ผิวของเม็ดเลือดแดง ในคนไทยมีหมู่โลหิต Rh (D) บวกประมาณ 99.7 % | |||
2. หมู่โลหิต Rh ลบ (Rh negative) คือหมู่โลหิตที่ไม่มีแอนติเจน-ดี (Antigen-D) อยู่ที่ผิวของเม็ดเลือดแดง ในคนไทยพบว่า มีหมู่โลหิตนี้เพียง 0.3 % หรือ 1,000 คน จะพบเพียง 3 คนเท่านั้น ซึ่งเราเรียกว่า " หมู่โลหิตหายาก " หรือ " หมู่โลหิตพิเศษ " นั่นเอง | |||
สถิติหมู่โลหิตของคนไทย |
|||
O | 38 % | ||
B | 34 % | ||
A | 21 % | ||
AB | 7 % | ||
Rh (D) (-) | 0.03 % | ||